ย่างเข้าหน้าร้อนแล้ว คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายอาจมีปัญหาและกังวลเกี่ยวกับผิวของลูกๆ ที่เริ่มมีตุ่ม ขึ้นตามบริเวณลำคอ, หน้าผาก ตัว และบริเวณขาหนีบ ตุ่มปรากฏอาจจะเป็นแค่จุดแดงๆ เล็กๆ หรืออาจจะเป็นตุ่มใสๆ เหมือนหยดน้ำเล็กๆ ซึ่งพอเวลาผ่านไป 1-2 วัน ก็จะกลายเป็นตุ่มสีขุ่นขาวได้ เด็กบางคนจะคันและเกาจนผิวหนังถลอกได้
ความกังวลของคุณจะมีมากขึ้นเมื่อไม่ทราบว่าตุ่มที่ปรากฏนั้นคืออะไร? ในใจคิดว่าน่าจะเป็นผด แต่ก็อดที่จะถามตัวเองว่าตุ่มเหล่านั้นเป็นโรคผื่นแพ้หรือผิวหนังอักเสบได้หรือไม่ พ่อแม่บางรายถึงกับต้องพาลูกไปหาหมอเพื่อให้มั่นใจว่าตุ่มที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่โรคผิวหนังอะไรที่ร้ายแรง
ลักษณะของตุ่มที่เกิดขึ้นตามผิวหนังดังกล่าวข้างต้นนั้นคือ ผดธรรมดาๆ ซึ่งมักจะเป็นกันมากในทารกวัยก่อน 1 ขวบ และในเด็กเล็กวัย 1-4 ขวบ
เด็กจะเป็นผดกันมากในฤดูร้อนเมื่ออากาศร้อนอบอ้าว แต่ในบางกรณีผดอาจจะเป็นได้ในฤดูอื่นๆ แม้กระทั่งในฤดูหนาว ทั้งนี้เนื่องจากเด็กได้รับการห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าที่หนาเกินไป
ผดจะว่าไปแล้วก็คือ การอักเสบของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง เมื่ออากาศร้อนจะมีการกระตุ้นให้เหงื่อออกมามาก ถ้าเหงื่อระบายออกไม่ทันโดยที่มีการอุดตันของท่อของต่อมเหงื่อก็จะทำให้เกิดเป็นตุ่มขึ้น ถ้าท่อเหงื่ออุดตันบริเวณใกล้ผิวหนังก็จะเป็นตุ่มใสๆ เล็กๆ ขึ้น แต่ถ้าการอุดตันของท่อเหงื่ออยู่ลึกลงไปอีกหน่อย ลักษณะของตุ่มผดนูนเล็กน้อยและมีสีแดง สำหรับตุ่มใสๆ ของผดจะมีลักษณะขุ่นขาวขึ้น เมื่อมีการสะสมของเล็ดเลือดขาวบริเวณต่อมเหงื่อที่มีการอักเสบ
ลักษณะของผดและบริเวณที่ปรากฏ จะทำให้คุณมั่นใจว่าลูกคุณเป็นผดจริงๆ ไม่ได้เป็นโรคผิวหนังอย่างอื่น เช่น ลมพิษ โรคผื่นแพ้ หรือโรคผิวหนังอักเสบ
ลองมาทำความรู้จักโรคเหล่านั้นบ้างไหมครับ
ลมพิษ จะมีผิวหนัง บวม นูน และแดง มีขนาดตั้งแต่เล็กๆ เท่าเมล็ดถั่วไปจนถึงขนาดที่โตเท่าฝ่ามือ บางคนเป็นมากถึงมีไข้ขึ้น และมีอาการคันมกสำหรับสาเหตุของการเกิดลมพิษนั้นส่วนใหญ่ไม่ทราบ ส่วนน้อยอาจจะเกิดจากการแพ้อาหารทะเล ถั่วลิสง หรือการแพ้เพราะสัมผัส
การแก้ลมพิษต้องกินยาแก้แพ้แก้คัน และทาด้วยน้ำยาคาลาไมดน์ ซึ่งจะทำให้อาการดีขึ้น นอกจากนี้ต้องพยายามหาสาเหตุ เช่น ถ้าแพ้อาหารทะเลบางอย่างก็หลีกเลี่ยงเสีย
โรคผื่นแพ้ มักจะเป็นในเด็กที่มีครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ต่างๆ เช่น หอบ หืด หรือผื่นแพ้ตามผิวหนัง ลักษณะของโรคผื่นแพ้มักจะเป็นตุ่มขนาดต่างๆ กันตามผิวหนัง ซึ่งจะรวมกันเป็นกลุ่มหรือเป็นบริเวณชัดเจนและมีสะเก็ดหรือขุยขาวๆ คลุมถ้าเด็กเกาจะมีลักษณะนูนหนาขึ้น และมีน้ำเหลืองไหลซึมบ่อยๆ จะมีอาการอักเสบเกิดขึ้น
บริเวณของโรคผื่นแพ้ที่ชอบปรากฏให้เห็นนั้นขึ้นกับอายุของเด็กในวัยทารกเป็นที่บริเวณแก้มทั้ง 2 ข้าง และบริเวณหลังหู พอโตขึ้นจะเป็นบริเวณข้อพับของข้อศอกและข้อเข่า ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเป็นทั้งตัว
การแก้โรคนี้ควรปรึกษาหมอ แต่การปฏิบัติตัวช่วยเด็กเบื้องต้นก็คือ พยายามหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร เช่น บางคนมีสาเหตุจากการแพ้น้ำส้ม ไข่ ก็หลีกเลี่ยงหรืองดอาหารนั้นๆ เสีย ชั่วคราว ถ้าผื่นดีขึ้นแล้วปรากฏขึ้นมาใหม่อีกเมื่อให้เด็กลองกินอาหารอีกก็แสดงชัดว่าเด็กแพ้อาหารชนิดนั้นๆ แต่พอโตขึ้นอาการแพ้อาจไม่ปรากฏและเด็กสามารถที่จะกินอาหารนั้นๆ ได้
สำหรับการรักษาบริเวณที่เป็นโรคผื่นแพ้นั้น พยายามฟอกสบู่แต่น้อยๆ เพราะถ้าใช้สบู่แรงหรือฟอกสบู่มากไปจะทำให้ผิวหนังแห้งและคันมากขึ้น สำหรับครีมและยาที่จะใช้ควรปรึกษาหมอ
โรคผิวหนังอักเสบ มักจะเกิดจากเชื้อโรคพวกแบคทีเรีย ทำให้มีตุ่มเป็นหนองเกิดขึ้น โรคนี้มักจะพบบ่อยในเด็กที่อาศัยอยู่ในภาวะแวดล้อมที่ไม่สะอาด เมื่อเด็กเกาผิวหนังจนถลอกจะด้วยเหตุที่ถูกยุงกัดหรือมีผดก็ตามเชื้อโรคจะเข้าไปได้และไปทำให้เกิดอาการอักเสบเป็นหนองขึ้น
โรคนี้ป้องกันและรักษาโดยการรักษาผิวหนังให้สะอาด และพยายามตัดเล็บให้สั้น เมื่อมีการอักเสบเกิดขึ้นอาจต้องใช้สบู่ยาฆ่าเชื้อและกินยาแก้อักเสบที่เหมาะสม
พอถึงตอนนี้คุณพ่อคุณแม่คงจะมั่นใจเต็มที่ในการที่จะบอกว่าลูกของคุณเป็นผดหรือไม่ และคุณคงต้องการที่จะทราบต่อไปว่า ผดมีการป้องกันและรักษาอย่างไร
การป้องกันและรักษาที่ได้ผลจริงๆ นั้น คือ การปรับอากาศให้เย็นลงซึ่งเป็นเรื่องที่ทำกันไม่ได้ทุกคน และแม้กระทั่งคนที่มีเครื่องปรับอากาศก็คงไม่ต้องการที่จะเลี้ยงลูกภายในห้องแอร์แต่เพียงอย่างเดียว คงต้องปล่อยให้เด็กออกวิ่งเล่นในสนามบ้าง ในทางปฏิบัตินั้นควรพยายามรักษาผิวของเด็กให้สะอาด โดยอาบน้ำให้วันละหลายๆ ครั้ง อย่างน้อยก็ 2 ครั้ง เสร็จแล้วประแป้งด้วยดินสอพองซึ่งจะทำให้เด็กรู้สึกเย็นสบาย ถ้าเด็กมีผดมากๆ การทำตัวด้วยขมิ้นและดินสอพองก็จะทำให้เด็กรู้สึกสบายขึ้น แต่ขมิ้นมีข้อเสียคือ ทำให้เสื้อผ้าติดสีเหลือง
เสื้อผ้าที่ใส่ให้เด็กก็มีความสำคัญควรจะหลวมพอสบาย และไม่หนาเกินไป เสื้อผ้าที่ทำจากฝ้ายจะระบายอากาศได้ดีไม่อบอ้าวเหมือนเสื้อผ้าที่ทำจากไนลอนต่างๆ
เนื่องจากอากาศของหน้าร้อนมักจะร้อนมากๆ ถ้าคุณมีบริเวณบ้านก็อย่าลืมปลูกต้นไม้มากๆ ก็แล้วกัน ปลูกชนิดที่ให้เงาและให้ผลด้วยยิ่งดี เช่น มะม่วง กล้วย จะทำให้อากาศที่ร้อนอบอ้าวดีขึ้น บางทีแค่พัดลมก็จะช่วยให้สบายขึ้น ไม่ถึงกับต้องใช้เครื่องปรับอากาศ เพราะความสิ้นเปลืองต่างกันมาก โดยเฉพาะในขณะนี้พวกเราทุกคนต้องช่วยกันประหยัดน้ำมันและพลังงานไฟฟ้า
สำหรับเรื่องผดของลูกๆ ของคุณนั้นคงจะหมดกังวลไปได้และพอเข้าฤดูฝนผดก็จะหายไปเอง
- อ่าน 39,121 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้