ต้อกระจก
โรคนี้ไม่มียาที่ใช้กินหรือหยอดแก้อาการของต้อกระจก จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนแก้วตา
วิธีผ่าตัดในปัจจุบัน จะใช้วิธีสลายต้อ (แก้วตาที่เสื่อม) ด้วยคลื่นความถี่สูงหรืออัลตราซาวนด์ (phacoemulsification) ทำให้เนื้อเลนส์ (แก้วตา) สลายตัวและดูดออก แล้วใส่แก้วตาเทียม (เลนส์เทียม) เข้าไปแทนในถุงหุ้มเลนส์เดิม
ดังนั้น ในปัจจุบันแพทย์จะนัดผ่าตัดตั้งแต่ระยะแรกเริ่มที่มีอาการตามัวจากต้อกระจก ทั้งนี้เพื่อรักษาถุงหุ้ม (capsule) ของแก้วตาที่ยังคงสภาพที่ดีไว้ สำหรับใช้แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่แก้วตาจริงที่เสื่อมสภาพ (แก้วตาขุ่นขาว) ไม่ใช่รอให้ต้อสุกแบบการผ่าตัดสมัยก่อน เพราะถุงหุ้มก็อาจเสื่อมจนใช้การไม่ได้ดี
การผ่าตัดวิธีนี้ แผลผ่าตัดเล็ก ใช้เวลาน้อย และไม่ต้องนอนพักในโรงพยาบาล ผู้ป่วยสามารถกลับไปพักที่บ้านได้เลยหลังผ่าตัด
ข้อดีอีกข้อคือ ไม่ต้องตัดแว่นใส่เวลามองไกล
แต่เวลาอ่านหนังสือมักต้องใช้แว่นอ่านหนังสือเช่นเดียวกับผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปีทั่วไป เพราะเลนส์เทียมจะขาดความยืดหยุ่น ทำให้ไม่สามารถปรับให้เห็นชัดเวลามองใกล้แบบเดียวกับสายตาผู้สูงอายุ
แพทย์จะรอเวลาหลังผ่าตัด 1-2 เดือน จนสายตาเข้าที่แล้วจึงจะวัดสายตาและตัดแว่นอ่านหนังสือให้ผู้ป่วยใช้
การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นด้วยการตรวจพบแก้วตา (เลนส์ตา) ขุ่นขาว เวลาใช้ไฟส่องตาผู้ป่วยจะรู้สึกตาพร่า การใช้เครื่องส่องตา (ophthalmoscope) ตรวจตาจะไม่พบปฏิกิริยาสะท้อนสีแดง (red reflex)
หากไม่แน่ใจ แพทย์ต้องใช้เครื่องมือพิเศษตรวจอย่างละเอียด อาจจำเป็นต้องตรวจวัดความดันลูกตา (เพื่อแยกออกจากโรคต้อหินที่จะพบความดันลูกตาสูงกว่าปกติ) และตรวจพิเศษอื่นๆ
- อ่าน 28,495 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้