• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

กระ และ เริม

กระ และ เริม


มีผู้อ่านหมอชาวบ้านเขียนจดหมายมาถามเรื่องของหน้าตกกระ และเริมที่ปาก ดังนั้นขอตอบพร้อมกันในฉบับนี้

หน้าตกกระ

⇒ถาม
ปัจจุบันอายุ 60 ปีแล้ว ส่วนใหญ่จะอยู่ในที่ร่มไม่ถูกแสงแดด บริเวณแขนและผิวหน้าตกกระเป็นจุดดำๆ จำนวนมาก

1. จะมีวิธีป้องกันไม่ให้ผิวหนังตกกระได้อย่างไร
2. เป็นเพราะร่างกายขาดสารอาหารประเภท ใดหรือเปล่า
3. จะมีวิธีการรักษาอย่างไร (ไม่ต้องการรักษา โดยวิธีเลเซอร์-กลัว)

⇒ ตอบ
สำหรับคำถามหน้าตกกระนั้น ขอแนะนำว่า

1. การป้องกันไม่ให้ผิวหนังตกกระ คือหลีกเลี่ยง การถูกแสงแดดจัด ถ้าต้องออกข้างนอกและถูกแดดจัด ควรทายากันแดดที่มีค่าการกันแสงแดด (SPF) ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป หรือการสวมใส่เสื้อผ้าแขนยาว สวมหมวกปีกกว้างตั้งแต่ 4 นิ้วขึ้นไป รวมถึงการกางร่ม
2. กระเกิดจากการถูกแสงแดดจัด จึงมักพบ กระบริเวณใบหน้าและบริเวณที่ถูกแสงแดดจัด บาง คนเชื่อว่าเกิดจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ลักษณะเด่น
3. การรักษากระคือพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด การใช้ยากันแดด อาจใช้ยาทากลุ่มไฮโดรควิโนน ซึ่งต้อง ให้แพทย์ผิวหนังสั่งจ่าย พอจะทำให้กระจางลงได้บ้าง

สำหรับกระที่มีลักษณะนูนเป็นแผ่นสีน้ำตาลนั้น บางครั้งเรียกว่ากระเนื้อ ภาษาแพทย์เรียกว่า Seborrheic Keratosis กระเนื้อนี้เป็นเนื้องอกของผิวหนังชนิดไม่ร้ายแรง ไม่ใช่มะเร็ง ถ้าทิ้งไว้นานๆ จะไม่กระจายไปที่อื่นแต่ก็จะงอกเป็นก้อนโตอยู่เฉพาะที่ กระเนื้อนี้ถ้าต้องการรักษาก็ต้องใช้การจี้ด้วยไฟฟ้า (electrosurgery) หรือใช้การจี้ด้วยเลเซอร์

เริมที่ปาก

⇒ถาม
กลุ้มใจมาก เข้าใจว่าตัวเองเป็นโรคเริมที่ริมฝีปาก เริ่มจากเป็นขุยแห้งๆ จุดเล็กๆ๑ แห่งที่ริมฝีปากบน ตอนนั้นไม่คิดว่าเป็นเริม เพราะตัวเองไม่มีเพศสัมพันธ์และแค่รำคาญ เหมือนปากแห้งเฉยๆ ก็ทาลิปมัน ไม่ทราบเพราะทาลิปมันหรือเปล่า ถึงได้ลามขึ้นที่ขอบปาก บางทีก็หายไป บางทีก็มาใหม่ แต่ไม่เคยมีตุ่มน้ำใสๆ จะเป็นลักษณะของขุยแห้งๆ ตึงๆ รำคาญ และมีอาการไข้ เจ็บคอ เจ็บหน้าอก ช่วงเวลาที่มีไข้ ทำอะไรนิดหน่อยจะเหนื่อยมาก และเจ็บที่หน้าอก ช่วงที่เจ็บหน้าอกมากเข้าใจว่าเริมลงคอ ใช่หรือไม่

1. ดิฉันเป็นเริมใช่หรือเปล่าคะ คุณหมอบอก ว่า อาจไม่ใช่ เพราะไม่มีตุ่มน้ำใส แต่ให้ยา Zovirax Cream มาทา แต่ถ้าไม่ใช่ทำไมมีอาการไข้ อ่อนเพลีย และเจ็บคอบ่อยขึ้น ถ้าไม่ใช่ เป็นอะไรอื่นได้อีก
2. ถ้าเป็นเริม ควรทำตัวอย่างไร เมื่อมีอาการ ของโรคเกิดขึ้นอีก และเพื่อไม่ให้ลามไปที่อื่น ควรหาหมอทุกครั้งที่เป็น หรือซื้อยามาใช้เองได้
3. อาการที่เป็นอยู่จะลุกลามไปที่ไหนของร่างกายได้บ้าง
4. ต้องการตรวจให้ละเอียด ควรทำอย่างไร
5. คนที่บ้านเป็นงูสวัด ทางเภสัชกรถามว่าที่บ้านมีคนเป็นโรคเริมหรือเปล่าเพราะงูสวัดเกิดจากติดเชื้อเริม แสดงว่าติดจากดิฉันใช่หรือไม่
6.เริมติดทางลมหายใจ หรือน้ำลายได้หรือไม่ ถ้าที่ปากไม่มีขุย ช่วงนั้นเชื้อกระจายได้หรือไม่

⇒ ตอบ
เริมอาจติดจากวิธีอื่นที่ไม่ใช่การมีเพศสัมพันธ์ ก็ได้ เช่น การใช้แก้วน้ำร่วมกัน การทดลองเครื่องสำอาง เช่น ลิปสติกตามเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง

1.ลักษณะของเริมปกติจะเป็นตุ่มน้ำเล็กๆ เป็นหย่อมๆ ขึ้นรวมกันบนพื้นผิวหนังที่มีสีแดง แต่ในบางรายก็อาจมีอาการแค่เจ็บๆ และเป็นตุ่มแดงๆ ไม่ถึงกับเป็นตุ่มน้ำใสก็ได้ลักษณะที่ทำให้ต้องคิดถึงเริมคือ ถ้าตำแหน่งที่เป็นเกิดซ้ำอยู่ที่จุดเดิม และอาจมีไข้ อ่อนเพลียร่วมด้วย ได้ ซึ่งลักษณะที่เล่ามานั้นฟังคล้ายว่าเป็นเริม เพราะมีอาการไข้ เบื่ออาหาร อ่อนเพลียร่วมด้วย ถ้าไม่ใช่เริมอาจเป็นรูขุมขนที่ริมฝีปากอักเสบ แต่กรณีหลังไม่น่ามีไข้อ่อนเพลียร่วมด้วย
2.ควรพักผ่อนให้เพียงพอ งดการถูกแสงแดดจัด รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไปพบแพทย์อายุรศาสตร์เพื่อตรวจร่างกายประจำปีบ้าง ถ้าเป็นเริมบ่อยๆ ควรปรึกษา แพทย์ผิวหนัง เพราะมียาทา เช่น อะไซโคลเวียร์ และยากิน เช่น อะไซโคลเวียร์ และฟามซิโคลเวียร์ ที่ใช้ระงับ เชื้อเริมได้
3. เริมมักเป็นเฉพาะที่จุดเดิม ไม่ลุกลาม
4. การตรวจโรคเริม แพทย์จะขูดเนื้อเยื่อจากฐาน ของตุ่มน้ำใสไปย้อมสีแล้วส่องกล้องจุลทรรศน์ดู ถ้าพบเซลล์ขนาดยักษ์ที่มีนิวเคลียสหลายอัน (multinucleated giant cell) อาจบ่งชี้ได้ว่าเป็นเริม
5. โรคเริมเกิดจากเชื้อเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ ไวรัส เป็นคนละโรคกับโรคงูสวัด (herpes zoster) ที่เกิดจากเชื้อ Varicella Zoster virus ซึ่งเชื้อ Varicella Zoster virus นี้ การติดเชื้อครั้งแรกจะทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส พอหายแล้วเชื้อจะฝังตัวอยู่ต่อไป อีกหลายๆ ปีผ่านไปอาจกำเริบเป็น โรคงูสวัดได้ คนที่เป็นงูสวัดจะเกิดจากเชื้อภายในตัวเอง (คือต้องเคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน) ไม่ได้ติดจากผู้อื่น และคนที่เป็นงูสวัดจะไม่สามารถทำให้ผู้อื่นเป็นงูสวัดได้ แต่อาจทำให้ผู้อื่นเป็นโรคอีสุกอีใสได้ เพราะเป็นเชื้อตัวเดียวกัน
6. โรคเริมจะติดเชื้อจากการสัมผัสเฉพาะที่ ไม่ติดต่อทางลมหายใจ หรือน้ำลาย ถ้าริมฝีปากไม่มีขุยไม่มีแผล ไม่มีรอยแตก ผิวหนังเป็นปกติดีแล้ว ไม่น่าจะถ่ายทอดเชื้อได้