วัณโรคปอด
เอกซเรย์ปอดพบว่าเป็นวัณโรคปอด โดยพบจุดที่ปอด เมื่ออยู่ร่วมกับครอบครัวจะทำให้ภรรยาและลูกติดโรคนี้หรือไม่
ผู้ถาม ชัยวัฒน์/อุดรธานี
ผู้ตอบ นพ. สันต์ หัตถีรัตน์
ผมอายุ 33 ปี มีลูก 2 คน ผมทำงานต่างจังหวัด วันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งได้กลับมาอยู่กับครอบครัว เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้ไปเอกซเรย์ปอดพบว่า เป็นวัณโรคโดยพบจุดที่ปอด ซึ่งก่อนหน้านี้ผมจะเป็นไข้หวัดบ่อย ๆ เหงื่อออกตอนกลางคืน ไอมีเสมหะ บางครั้งจะมีเลือดออกมาด้วย หมดได้ให้ยากินและยาฉีด เป็นยาเม็ด 2 เม็ด ยาฉีด 1 ชนิด
1.เรียนปรึกษาว่าการที่ผมไปอยู่ร่วมกับครอบครัว ในวันเสาร์-อาทิตย์นั้น จะทำให้ภรรยาและลูกติดโรคหรือไม่ จะป้องกันได้อย่างไร (ลูก 2 คน ฉีดวัคซีน บี.ซี.จี. ตั้งแต่แรกเกิดแล้ว)
วัณโรคปอดติดต่อได้โดยการหายใจเอาเชื้อวัณโรคซึ่งล่องลอยอยู่ในอากาศเข้าไปในปอดหรือหลอดลมเป็นส่วนใหญ่ แล้วเชื้อวัณโรคไปเจริญเติบโต ทำให้เกิดวัณโรคขึ้นในปอด หรือหลอดลมนั้น
เชื้อวัณโรคซึ่งล่องลอยอยู่ในอากาศ ส่วนใหญ่เกิดจากการไอเอาเชื้อวัณโรคออกมาจากปอดของคนที่เป็นวัณโรค เชื้อวัณโรคมักจะออกมากับเสมหะ ดังนั้นจะต้องบ้วนเสมหะไว้ในกระโถนหรือภาชนะที่มีฝาปิด แล้วใช้ยาฆ่าเชื้อทำลายเสีย หรือขุดหลุมฝังเสีย เวลาไอหรือจามก็ควรจะใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก ป้องกันการกระจายของเชื้อไปในอากาศ และห้ามไอหรือจามรดหน้าคนอื่นเป็นอันขาด
นอกจากนั้นการเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อให้อากาศในห้องถ่ายเทได้สะดวก ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อวัณโรคสะสมพอกพูนอยู่ในห้อง ถ้าเชื้อวัณโรคในห้องมีจำนวนน้อย โอกาสที่คนอื่นจะติดเชื้อก็จะมีน้อย หรือไม่มีเลย
ดังนั้น การที่คุณจะอยู่ร่วมกับครอบครัว จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าคุณได้ปฏิบัติตามวิธีป้องกันอย่างง่าย ๆ ดังกล่าวข้างต้น
อนึ่ง ลูกของคุณซึ่งได้ฉีดวัคซีน บี.ซี.จี.แล้ว ก็คงจะมีภูมิต้านทานวัณโรคอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้ดีควรจะให้ภรรยาของคุณไปถ่ายเอกซเรย์ปอดดูสักนิด ว่าติดวัณโรคจากคุณหรือไม่ เพราะภรรยาของคุณอาจจะติดวัณโรคจากคุณ ตั้งแต่ก่อนที่คุณจะรู้จักว่าเป็นวัณโรคก็ได้
การที่ลูกทั้ง 2 คนเป็นหวัดบ่อย ๆ มีเหงื่อออกมากเวลากลางคืนเป็นประจำ แสดงว่าลูกทั้ง 2 คนติดโรคจากผมหรือไม่ ถ้าติดโรคแล้วจะรักษาอย่างไร
ลูกทั้ง 2 คนของคุณจะติดโรคจากคุณหรือไม่นั้น ให้คอยสังเกตการณ์เจริญเติบโต อาการไข้ อาการหายใจผิดปกติ มีก้อน (ต่อมน้ำเหลือง) บริเวณคอ อาการปวดหลังหรือหลังโกงผิดปกติ อาการซึม อาการกระสับกระส่ายหรืออาการชัก
ส่วนอาการเป็นหวัดบ่อย ๆนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดจากไข้หวัด และอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนนั้นมักจะเป็นในเด็กทุกคนในขณะที่หลับ โดยเฉพาะในระยะที่เริ่มหลับ
อย่างไรก็ตาม ถ้าสามารถทำได้ ควรจะพาลูกไปหาหมอ ให้หมอทำการทดสอบทูเบอร์คูลิน(Tuber-culin test) ถ้าผลการทดสอบเป็นลบ (negative) ก็จะแสดงว่าลูกคุณยังไม่มีภูมิต้านทานวัณโรค อาจจะฉีดวัคซีน บี.ซี.จี. ซ้ำ ถ้าผลทดสอบเป็นบวกน้อย ๆ (mildly positive) ก็อาจจะบอกว่าลูกของคุณมีภูมิต้านทานวัณโรคอยู่ แต่ถ้าผลการทดสอบเป็นบวกมาก ๆ (markedly positive) ก็อาจจะบอกว่าลูกของคุณอาจจะเป็นวัณโรคแล้ว อาจจะต้องถ่ายเอกซเรย์ปอด หรือตรวจอย่างอื่นด้วย
อย่างไรตาม ถ้าเสมหะของคุณมีเชื้อวัณโรค จากผลตรวจเสมหะ วิธีป้องกันอีกวิธีหนึ่งที่แพทย์แนะ-นำสำหรับลูกของคุณ ก็คือให้กินยาไอโสไนอะซิด(isoniazid) หรือ ไอเอนเอช(INH) เพียงอย่างเดียวไปเลยเป็นเวลาหนึ่งปี เพราะลูกของคุณอายุยังน้อยมาก และวัณโรคในเด็กที่อายุน้อยเช่นนี้ ถ้าเป็นแล้วอาจจะเป็นชนิดที่รุนแรงมากก็ได้
2.ผมจะหายจากโรคนี้หรือไม่ จะต้องรักษานานเท่าไหร่ และมีวิธีรักษาอย่างไร หรือมีวิธีที่จะรักษาให้หายได้เร็วหรือไม่ อย่างไร
โรคนี้หายได้ ถ้าได้รับยาอย่างสม่ำเสมอ ในคนที่มีเชื้ออกมากับเสมหะ ถ้าได้รับยามาประมาณ 1-2 เดือนแล้ว มักจะไม่มีเชื้อออกมาอีก (นั่นคือ ไม่ติดต่อแพร่เชื้อให้ใครได้อีกแล้ว) และถ้ากินยาอยู่อย่างสม่ำเสมอประมาณ 6-12 เดือน คนที่เป็นโรคน้อยมักจะหายขาด ถ้าเป็นโรคมากอาจต้องกินยานานกว่านี้
3.ขอคำแนะนำในการปฏิบัติตัวเกี่ยวกับการกินอาหาร การออกกำลังกาย การพักผ่อน ในระหว่างการรักษานี้ด้วย
วิธีรักษาตน คือการปฏิบัติตนตามควรแก่อัตภาพ เช่น กินอาหารทุกชนิด ออกกำลังกายแต่พอควร โดยเริ่มแต่น้อย ๆ ก่อนแล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้น อย่าให้เหนื่อยหรือหักโหมเกินไป พักผ่อนหลับนอนให้เพียงพอ ซึ่งรู้ได้โดยการรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่ง่วงเหงาหาวนอน เป็นต้น
นอกจากนั้นในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ ควรงดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า และอาหาร หรือสิ่งที่เป็นพิษอื่น ๆ
4.โรคนี้จะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานของผมหรือไม่
ถ้าปฏิบัติรักษาตนให้ดี โรคนี้ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการทำงานเลย นอกจากในระยะที่ไอมาก หอบหรือไอเป็นเลือดมาก ๆ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจะต้องนอนพักผ่อนสักระยะเวลาหนึ่ง อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- อ่าน 14,746 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้