• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ใช้อย่างไรให้ถูก

ยาคุมกำเนิดแบบยฉุกเฉินใช้อย่างไรให้ถูกต้อง

ถาม : ไลลา/กรุงเทพฯ

1.การใช้ยาคุมกำเนิดแบบ ฉุกเฉินใช้อย่างไรให้ถูกต้อง ?

2.กินยาคุมกำเนิดต่างจากการทำแท้งอย่างไร

3.ควรใช้เมื่อใด และวิธีการใช้มีข้อห้ามอะไรบ้าง

 

ตอบ

การคุมกำเนิดหลังการมีเพศสัมพันธ์มีหลายวิธีการ แต่การใช้ยาเม็ดแบบกินเป็นวิธีการที่สะดวก และนิยมใช้มากที่สุด เดิมเรียกยากลุ่มนี้ว่ายาคุมกำเนิดหลังเพศสัมพันธ์ แต่ต่อมาเพื่อความเข้าใจและการใช้ที่ถูกต้องจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ซึ่งเป็นยากลุ่มที่มีผลต่อฮอร์โมนเพศทั้งสิ้น
 

ชนิดของฮอร์โมน
ในกลุ่มของยาเม็ดกินยังมีหลายกลุ่ม เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างเดียว ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอย่างเดียว ฮอร์โมนรวมและดานาซอล แต่ที่นิยมและหาได้ง่ายมีเพียง ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอย่างเดียวและฮอร์โมนรวมเท่านั้น

ยาเม็ดโปรเจสเตอโรนอย่างเดียว (มีชื่อการค้าว่า โพสตินอร์) มีส่วนประกอบหลักเพียงอย่างเดียว คือ Levonorgestrel ขนาดเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม โดยกิน 2 ครั้ง ระยะห่างกัน 12 ชั่วโมง และต้องกินภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ผลข้างเคียงที่อาจพบได้บ่อยคือ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน    คัดเต้านม และระดูมาผิดปกติ โดยอาจมาเร็วขึ้นหรือช้าก็ได้ บางครั้งอาจพบเลือดออกกะปริดกะปรอย  ดังนั้น ถ้าขาดระดูหรือระดูมากะปริดกะปรอยหลังใช้ยานี้ จำเป็นจะต้องตรวจให้ทราบว่าเป็นการตั้งครรภ์หรือเป็นผลของยา ในกรณีที่ป้องกันไม่ได้ ยังมีโอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูกสูงกว่าปกติอีกด้วย

ยาเม็ดฮอร์โมนรวม หรือที่เรียกว่า Yuzpe regimen เป็นการใช้ฮอร์โมน ethinyl estradiol 0.1 มิลลิกรัม และ Levonorgestrel ขนาด 0.5 มิลลิกรัม โดยแบ่งกินเป็น 2 ครั้ง ระยะห่างกัน 12 ชั่วโมง
โดยกิน ภายใน 72 ชั่วโมงเช่นกัน วิธีนี้เป็นที่นิยมในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป
แต่มีข้อเสียคือ มีผลข้างเคียงมากกว่าแบบแรก อีกทั้งในประเทศไทยยังไม่มีบริษัทใดผลิตออกมาจำหน่ายโดยตรงหลายคนเข้าใจว่าการกินยาเม็ดเหล่านี้จะทำให้เกิดการแท้ง ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เนื่องจากกลไกของการป้องกันการตั้งครรภ์จะมีกลไกหลายอย่าง ซึ่งไม่ใช่เป็นการทำให้ตัวอ่อนที่ฝังตัวแล้วแท้งหรือหลุดลอก ออกมา แม้ว่ากลไกที่แท้จริงจะยังไม่ทราบแน่นอน แต่มีหลักฐานเชื่อว่ามีกลไกหลายอย่าง เช่น ยาจะไปขัดขวางการปฏิสนธิของสเปิร์มและไข่ ยับยั้งการตกไข่ หรืออาจมีผลต่อการ ทำงานของคอร์ปัสลูเตียมก็ได้
 

การใช้ยากลุ่มนี้ควรจะใช้เมื่อมีความจำเป็น "ฉุกเฉิน" เท่านั้น เนื่องจากประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์ยังไม่สูงเท่ากับการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบปกติ โดยมีประสิทธิภาพการป้องกันราวร้อยละ 58-95 ซึ่งยังขึ้นอยู่กับการใช้ที่ถูกวิธีและระยะเวลาที่เริ่มใช้ด้วย โดยถ้ากินครั้งแรกภายใน 24 ชั่วโมงแรก พบว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า (the sooner-the better) การกินยามากกว่าขนาดที่กำหนดก็ไม่พบว่าได้ ประโยชน์มากขึ้นแต่จะมีผลข้างเคียงมากขึ้น


ข้อบ่งใช้สำหรับยากลุ่มนี้ ได้แก่

1.มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจและไม่ได้คุมกำเนิด

2.มีความผิดพลาดของการใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น เช่น ลืมกินยาคุม มากกว่า 3 วัน ลืมฉีดยาคุม หรือ  ถุงยางอนามัยเกิดรั่วหรือแตก

3.ถูกข่มขืน


ข้อบ่งห้าม มีการตั้งครรภ์แล้ว หรือมีข้อห้ามต่อการให้ฮอร์โมนดังกล่าว

โดยสรุป การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน มีประโยชน์สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในระดับหนึ่ง แต่ผู้ใช้ควรใช้อย่างถูกวิธีและใช้เมื่อมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น