เด็กในอุดมคติ
เด็กควรจะพัฒนาการตามวัย เพราะแต่ละวัยที่ผ่านมาจะย้อนกลับไปไม่ได้ ความสุขความมั่นคงในใจ ความต่อเนื่องในการพัฒนาจะเป็นรากฐานที่ดีทำให้เด็กมีความสุข
คุณดวงเปิดประตูห้องตรวจเข้ามาพร้อมกับลูก ๒ คน สาวน้อยตัวเล็กๆ คือ น้องดี และหนุ่มน้อยตัวเล็กๆ อีกคนคือ น้องดวน
น้องดีอายุ ๘ ขวบ ท่าทางเรียบร้อย ระมัดระวังตัว แต่งตัวเรียบกริบตั้งแต่หัวจดเท้า เริ่มต้นจากผมเปียที่ถัก ๓-๔ เส้น มัดรวมกันผูกโบสีสวย ทำให้ดูหน้าตาใสกระจ่างผิดกับเด็กวัยเดียวกัน น้องดีไหว้ป้าหมอโน้มตัวลงต่ำแสดงถึงการได้รับการฝึกฝนการไหว้มาเป็นอย่างดี ในขณะที่น้องดวนไหว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับสอดส่ายสายตาเข้าไปดูว่าห้องของเล่นข้างๆ มีอะไรน่าสนใจบ้าง คุณดวงมองน้องดีด้วยความชื่นชม แล้วหันมาบอก ป้าหมอว่า "น้องดีเขาเป็นเด็กในอุดมคติ เพราะใครๆ ต่างชมว่าน้องดีเป็นเด็กดีเหลือเกิน อิจฉาคุณดวงที่มีลูกน่ารัก น้องดีมีกิจกรรมนอกโรงเรียนมากมาย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องกิจกรรมเท่านั้นที่น้องดีโดดเด่น แต่เรื่องเรียนก็โดดเด่นเช่นเดียวกัน ส่วนนี่เป็นเอกสารของน้องดวน ปวดหัวจัง ดูสิคะวิชาอะไรๆ ก็คะแนนแย่ไปหมด"
ป้าหมอเปิดดูเอกสารการเรียนของน้องดวน เห็นว่ามีหลายเกรดตั้งแต่เกรด ๔ ๓ ๒ ไปจนถึง ๑ และป้าหมอก็เหลือบดูว่าน้องดวนเรียนชั้นอะไร ป้าหมอเห็นว่าน้องดวนอายุแค่ ๕ ขวบแต่เรียนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ แล้ว คุณดวงคงมองตามสายตาป้าหมอ จึงพูดขึ้น มาว่า "น้องดวนเรียนค่อนข้างเร็ว ช่วงที่เล็กๆ ดวงไม่มีคนดูแล เลยเอาไปฝากแผนกอนุบาลโรงเรียนเดียวกับพี่ของเขา ครูเห็นว่าลูกเรียนไหวก็จับเข้าห้องแล้วผ่านแต่ละชั้นขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ดวงก็รู้สึกค้านในใจว่ามันจะเร็วเกินไปหรือเปล่า เพราะในห้องน้องดวนอายุน้อยที่สุด" ป้าหมอพยักหน้าเห็นด้วย พร้อมกับอธิบายว่า นั่นเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง เพราะน้องดวนยังอายุน้อย ฉะนั้นเวลาเรียนกับเด็กที่มีอายุและมีความพร้อมมากกว่า จึงได้คะแนนระดับที่ต่ำกว่าเพื่อนๆ เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ น้องดวนจะค่อยๆ พัฒนาตัวเองขึ้น ซึ่งคงต้องการเวลาอีกประมาณ ๑ ปีถึงจะพัฒนาตัวเองได้ทันและเริ่มใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่คุณพ่อคุณแม่รู้สึกลังเลใจ ยังไม่ทันที่ป้าหมอจะพูดอะไรต่อ คุณดวงรีบพูดขึ้น มาว่า "ตัวดวงเองรู้สึกเฉยๆ แต่จะรู้สึกเวลาดูลูกทำการบ้านแล้วไม่ได้ดังใจ แต่ถ้าป้าหมอพูดอย่างนี้ดวงก็ยินดีคอยสักระยะหนึ่งอย่างที่ป้าหมอบอก แต่ก็อีกนั่นแหละดวงเป็นคนใจร้อน เพราะเป็นคนสมบูรณ์แบบอะไรต้องดีไปหมด ดวงเป็นลูกคนสุดท้องมีพี่ ๒ คน พี่ทั้ง ๒ ก็ไม่ได้เรื่อง ทุกวันนี้หลังจากคุณพ่อเสียแล้ว ดวงเป็นคนรับภาระดูแลครอบครัว ต้องให้เงินคุณแม่ทุกเดือน ส่วนพี่ๆ ทั้ง ๒ คนนั้นพึ่งพาอาศัยไม่ค่อยได้ พี่สาวหลังจากเรียนจบ ทำงานเข้าๆ ออกๆ ไม่เจริญก้าวหน้า ส่วนพี่ชายคนรอง แต่งงานมีครอบครัวแล้ว แต่มักมาขอเงินจากคุณแม่ใช้ตลอด โชคดีมีภรรยาดี ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างให้ ไม่อย่างนั้นน่ากลัวจะตกเป็นภาระของดวง ต้องเข้ามารับผิดชอบในส่วนนี้ ทั้งๆ ที่มีภาระเรื่องลูก ๒ คนอยู่แล้ว เพราะเงินเดือนจากสามีนั้นได้ไม่สม่ำเสมอ"
พูดมาถึงตอนนี้คุณดวงเริ่มตาแดง และเริ่มเล่าต่อว่า "ตอนนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป ไม่แน่ใจว่าสามีมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องงาน หรือมีผู้หญิงคนใหม่ เพราะ ๒-๓ วันที่ผ่านมามีโทรศัพท์จากรุ่นน้องที่ทำงานที่เดียวกับสามีบอกว่า เห็นเขาไปไหนมาไหนกับเพื่อนร่วมงาน ดูใกล้ชิดสนิทสนมกันผิดปกติ ตอนหนูเดินเข้าไปทัก พวกเขายังทำท่าตกใจช่างผิดสังเกตอะไรอย่างนี้ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ดวงรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะไหนจะเรื่องงาน เรื่องข่าวคราวของสามี เรื่องเงินงวดสุดท้ายจากการทำงานที่ไม่ได้รับ พอสามีกลับมาบ้านแล้วบอกว่า เงินเดือนยังไม่ได้ คงได้สัปดาห์หน้า แต่อาจจะได้ไม่เท่าเดิม เพราะลูกน้องขอยืมไปหาหมอ เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ความรู้สึกต่างๆ ที่เก็บกดไว้ก็พลุ่งขึ้น ไม่ชงกาแฟให้กินเหมือนอย่างเคย และยังทำหน้าปั้นปึ่งใส่เขา พอสามีถามว่ากาแฟอยู่ที่ไหน เท่านั้นแหละทุกสิ่งทุกอย่างที่อัดแน่นอยู่ในอกได้ระเบิดออกมา ดวงสาธยายเรื่องต่างๆ ออกมายาวเหยียดโดยไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรไปบ้าง ความรู้สึกเหมือนก๊อกน้ำแตก มารู้ตัวอีกทีเมื่อคุณพ่อคุณแม่ของสามีมาหาที่บ้าน แล้วบอก ว่าน้องดีโทรศัพท์ไปหาร้องไห้บอกว่าคุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกัน ขอให้คุณปู่คุณย่ารีบมาที่บ้านด่วน แต่ไม่ว่าจะถามอะไรน้องดีที่เคยเป็นเด็กพูดจาเป็นเรื่องเป็นราวก็เอาแต่ร้องไห้ วันนั้นจบลงด้วยการที่คุณย่านอนค้างที่บ้าน ส่วนสามีกลับไปต่างจังหวัด หลังมรสุมสงบลง ดวงเองเริ่มปวดหัวและนอนไม่หลับลูกๆ ทั้ง ๒ มีปฏิกิริยาแตกต่างกันมาก น้องดวนดูไม่อนาทรร้อนใจ เล่น กิน และนอนได้ตามปกติ ส่วนน้องดีมีอาการก่อนนอนเหมือนกับหายใจไม่ออกและกลัว"
เรื่องที่เกิดขึ้นมีส่วนกระทบกับน้องดีมาก แต่กับน้องดวนสบายมาก หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา น้องดีต้องให้คุณแม่เข้าไปนอนเป็นเพื่อนเป็นเวลาถึง ๒ สัปดาห์แล้ว ซึ่งผิดจากเมื่อก่อนที่สามารถนอนกับน้องในห้องตามลำพังได้ เรื่องนี้ทำให้คุณดวงกลุ้มใจต้องพามาปรึกษาป้าหมอ "ทางคุณย่าท่านเห็นด้วยกับดวง แต่ท่านไม่เห็นด้วยกับวิธีการของดวงที่โวยวายอาละวาด ท่านรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้สามีทนไม่ได้และแยกตัวไป คุณย่าได้เตือนสติดวงว่า ทำดีมามากแล้ว จำเป็นต้องทำดีต่อ และทำดีให้มากขึ้น เพื่อดึงสามีกลับมาเป็นแบบอย่างให้ลูกเดินตามโดยไม่เกิดสภาพขัดแย้งในจิตใจเหมือนตัวดวงเอง จริงอย่างที่คุณย่าพูด เพราะวันศุกร์ที่ผ่านมา สามีโทรศัพท์บอกว่าสัปดาห์นี้จะไม่กลับบ้านเพราะมีงานพิเศษในใจรู้สึกโกรธ เพราะคิดว่าสามีหาเหตุที่จะอยู่ร่วมกับผู้หญิงคนนั้น แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของคุณย่า ดวงจึงตัดสินใจตอบสามีไปว่า ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทำงานให้เสร็จก่อน สัปดาห์หน้าค่อยกลับมาก็ได้ หลังจากตอบอย่างนั้น ทุกสิ่งผิดคาด เพราะสัปดาห์นั้นสามีกลับบ้าน"
วันนี้คุณดวงพาสามีมาด้วยคุณพ่อเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นห่วงลูกสาว อยากให้น้องดีหายเร็วๆ แล้วป้าหมอก็ได้อธิบายการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเริ่มต้นจากการทำสมรสบำบัด คือการปรับความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่ จากนั้นจึงโยงไปหาลูกๆ ทั้ง ๒ คน ปัจจุบันคุณพ่อเข้าใจปัญหาครอบครัวโดยพยายามกลับบ้านตั้งแต่เย็นวันศุกร์ มีความรู้สึกภาคภูมิใจที่ลูกเป็นคนดี และพร้อมเป็นแบบอย่างให้แก่ลูกคนเล็ก ส่วนน้องดีหลังจากที่คุณพ่อคุณแม่มาพบป้าหมอ ๒-๓ ครั้ง อาการดังกล่าวก็หมดไปแต่สิ่งที่ดีกว่านั้น ก็คือ การที่คุณดวงมาบอกป้าหมอว่าไม่ต้องการให้ลูกเป็นเด็กในอุดมคติอีกแล้ว แต่ต้องการให้เป็นเด็กธรรมดา ลูกย่อมเดินตามเส้นทางที่พ่อแม่กำหนด อะไรที่พ่อแม่ชอบเด็กก็พยายามทำเพื่อต้องการความรัก ต้องการความสนใจ ต้องการการตอบสนองในทางบวก พ่อแม่เมื่อลูกเดินตามเส้นทางบางครั้งก็มีความคาดหวัง สูงเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี เด็กควรจะพัฒนาการตามวัย เพราะแต่ละวัยที่ผ่านมาจะย้อนกลับไปไม่ได้ ความสุขความมั่นคงในใจ ความต่อเนื่องในการพัฒนาจะเป็นรากฐานที่ดีทำให้เด็กมีความสุข เมื่อโตขึ้นประสบการณ์และวิธีการแก้ปัญหาในวัยเด็กก็จะถูกนำมาใช้ ทำให้เด็กสามารถต่อสู้กับชีวิตได้ดี ทำให้เด็กมีทางออกและมีทางเลือก เด็กที่โตข้ามวัยจะมีความสุขน้อยกว่าเด็กที่โตตามวัย
ขอให้คุณพ่อคุณแม่เดินตามเส้นทางปกติของเด็ก เพื่อให้ลูกของท่านเป็นเด็กปกติสามารถเป็นผู้ใหญ่ปกติ สามารถมีชีวิตครอบครัวที่ปกติและสามารถทำงานประสบความสำเร็จปกติ ดีกว่าการเป็นบุคคลที่พิเศษ ซึ่งถ้าวันหนึ่งไม่ได้เป็นบุคคลที่พิเศษ เด็กก็อาจจะมีความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองล้มเหลว ทั้งๆ ที่ตัวเองก็คือเด็กปกตินั่นเอง แต่เนื่องจากไม่เคยรู้ว่าความปกติคืออะไร
- อ่าน 5,285 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้