หมอโบราณยาสมุนไพร
หมอโบราณได้ตั้งตำรายาไว้ว่า มนุษย์เกิดขึ้นมาต้องประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 (ดูรายละเอียดใน “หมอชาวบ้าน ” ฉบับ 37 หน้า 51 ) ดังนั้นจึงตั้งตัวยาประจำธาตุทั้ง 4 ไว้เพื่อให้คนกิน และเติมธาตุที่ 5 อีกคือ อากาศธาตุ
ทางทรรศนะแพทย์แผนโบราณถือว่า มีลมพัดออกจากส่วนที่เป็นช่องตามร่างกายคือ ทางหู ทางตา ทางจมูก ทางปาก ทางช่องปัสสาวะ และ ทางช่องอุจจาระ ถ้าเป็นผู้หญิงก็เพิ่มทางช่องคลอด โดยลมที่พัดออกนี้เรียกว่า อากาศธาตุ
ยาประจำธาตุที่กล่าวถึงนี้ปรุงให้คนกินเพื่อปรับธาตุในร่างกายให้เป็นปกติ เพื่อให้ธาตุต่าง ๆ แข็งแรง (ธาตุที่ไม่ปกตินั้น ถือว่ามีอาการเช่น อุจจาระหยาบ ท้องขึ้น อืดเฟ้อ อ่อนกำลัง อาหารไม่ย่อย ร่างกายไม่แข็งแรง เบื่ออาหาร)
ตัวยาประจำธาตุทั้ง 5 มีตัวยา ดังนี้
1.ดอกดีปลี ประจำ ธาตุดิน
2.รากชะพลู ประจำ ธาตุน้ำ
3.เถาสะค้าน ประจำ ธาตุลม
4.รากเจตมูลเพลิง ประจำ ธาตุไฟ
5.เหง้าขิงแห้ง ประจำ อากาศธาตุ
น้ำหนักเสมอภาคคือ หนักเท่า ๆ กัน ถ้าหนักสิ่งละ 30 กรัม ก็หนัก 30 เท่ากันหมดทุกอย่างตัวยาต้องสะอาดหมดทุกอย่าง
วิธีทำ : นำมาต้มเติมน้ำให้ท่วมยา เคี่ยวให้น้ำงวด ผู้ใหญ่กินมื้อละ 3- 4 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร เด็กลดลงได้ตามอายุ (เด็กเล็กอายุไม่เกิน 5 ขวบ กิน 1 ช้อนโต๊ะ เกิน 12 ปีกิน 1-2 ช้อนโต๊ะ)
ยานี้นำไปบดเป็นผงละเอียดอ่อน กินมื้อละ 1 ช้อนกาแฟ ชงน้ำร้อนกินก็ได้ หรือผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนเท่าปลายนิ้วก้อยกินมื้อละ 2-3 เม็ดก็ได้ตามแต่รสนิยมของผู้ใช้
ยานี้หมอโบราณตั้งสูตรไว้เป็นยาบำรุงธาตุ เมื่อธาตุในร่างกายแข็งแรง ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะสมบูรณ์ขึ้น
เมื่อธาตุของร่างกายแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บจะมาเบียดเบียนก็น้อยลง
เหมือนกับในปัจจุบันนี้ คนร่างกายไม่แข็งแรงก็มักจะแสวงหาไปซื้อวิตามินมากิน หรือบางท่านอาจจะนิยมเครื่องดื่มบางอย่างที่ว่าดื่มแล้วมีกำลังอย่างพิลึก
ต้องเข้าใจว่าวิตามินนั้นเป็นยาสำหรับรักษาโรคขาดวิตามิน (ขาดอาหาร) ไม่ได้เป็นยาที่จะบำรุงร่างกายที่ได้รับอาหารตามปกติ (ไม่ขาดวิตามิน) ให้เจริญงอกงามได้ จึงไม่ใช่ยาบำรุงอย่างที่ว่ากันไป เข้าใจผิดกันไป
ยิ่งพวกเครื่องดื่มที่บ้างก็ชูหนึ่งนิ้ว สองนิ้ว หรือบ้างก็เป็นเสือ สิงห์ กระทิง แรด ยิ่งเป็นยากระตุ้นประสาทและให้โทษมากขึ้นไปอีก
ยาบำรุงธาตุแผนโบราณที่กล่าวมานี้ มิได้หมายความว่าเมื่อกินแล้วจะไม่เกิดโรคภัยไข้เจ็บนะครับ แต่จะช่วยพยุงให้ร่างกายสมบูรณ์ขึ้นเป็นเบื้องแรกเมื่อทุกสิ่งในร่างกายไม่ดีขึ้น ก็ต้องตรวจร่างกายเพื่อหาต้นเหตุสมุฏฐานของโรคว่าเกิดจากอะไร และจะได้จัดยารักษาให้ถูกต้องต่อไป
เรื่องยาประจำธาตุท่านผู้อ่านสนใจก็ทำกินได้เอง ใช้น้ำหนักตัวยาได้ตามส่วน วิธีทำถูกต้องและสะอาดพอควร
ถ้าไม่เข้าใจก็จดหมายสอบถามผู้เขียนได้ ยาไทยเป็นธรรมชาติ ขอร้องว่าเมื่อปรุงยาอย่านำวัตถุสารใดผสมลงไปจะไม่ปลอดภัย
ยาโบราณเป็นยาธรรมชาติดูแต่น้ำผึ้งก็จัดเข้าอยู่ในพวกยาสมุนไพร
น้ำผึ้งเป็นยาวิเศษ เป็นยาอายุวัฒนะ เสริมสร้างพลัง เป็นยาบำรุงรักษาโรคทั้งภายนอกและภายในได้อเนกประการ
น้ำผึ้งเป็นยาธรรมชาติที่ยังไม่มีอย่างอื่นเทียบได้ มนุษย์เรารู้จักน้ำตาลสมัยแรกคือ น้ำผึ้งและรู้จักน้ำผึ้งมานานแสนนานและไม่มีใครเกลียดน้ำผึ้ง
ในสมัยนี้ที่เรียกกันว่า มนุษย์เจริญก้าวหน้าถึงกับผลิตน้ำตาลขึ้นมาใช้แทนความหวานของน้ำผึ้งได้ก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถผลิตน้ำตาลให้ดีมีคุณค่าเสมอเหมือนกับน้ำผึ้ง ซึ่งควรยกย่องผึ้งว่าเป็นเภสัชกรที่ชาญฉลาดล้น สามารถผลิตน้ำตาลวิเศษได้ดีกว่ามนุษย์เรา
น้ำผึ้งเป็นยาสมุนไพรด้วย จะเห็นว่ายาที่บดเป็นผง ทำเป็นลูกกลอนจะใช้น้ำผึ้งเป็นตัวทำให้เป็นก้อน
น้ำผึ้งมีสรรพคุณใช้เป็นยามาแต่ก่อนสมัยพุทธกาล ขอยกตัวอย่าง ก่อนพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ หลังจากได้ทรงบำเพ็ญทุกข์กริยาแล้ว กลับมาเสวยพระกระยาหาร ความสมบูรณ์แห่งพระวรกายก็ยังไม่ฟื้นคืนคงเดิม
จนนางสุชาดาได้กวนข้าวมธุปายาสนำมาถวาย เมื่อได้เสวยข้าวมธุปายาสนี้แล้ว ทำให้พระวรกายกลับสมบูรณ์แข็งแรงขึ้น
ข้าวมธุปายาสนี้ผสมด้วยยาสมุนไพรคือ น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เนยข้น เนยใส และน้ำมันพืช ซึ่งเห็นได้ว่าน้ำผึ้งเป็นยาสมุนไพรวิเศษส่วนหนึ่งที่บำรุงร่างกายให้ฟี้นคืนคงได้รวดเร็ว
จึงได้พุทธานุญาตให้พระภิกษุสงฆ์ใช้น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เนยข้น เนยใส และน้ำมันพืชได้นอกเวลาถ้าจำเป็น เพราะถือว่าเป็นเภสัช ยาโบราณในพุทธกาลก่อนจนถึงปัจจุบัน .
- อ่าน 17,263 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้