ชื่อวิทยาศาสตร์ Cucumis sativus L.
วงศ์ Cucurbitaceae ฝรั่งเรียก cucumber
เชื่อกันว่าแตงกวาเป็นพืชมีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศอินเดีย มีหลักฐานว่ามีการเพาะปลูกแตงกวาในดินแดนเอเชียตะวันตกมากว่า 3,000 ปี
นอกจากนี้ ยังพบบันทึกการกินแตงกวาในดินแดนแถบประเทศตุรกีและบัลแกเรียมาตั้งแต่ครั้งโบราณอีกด้วย
จากนั้นบันทึกเรื่องแตงกวาขยายไปในประเทศกรีซ อิตาลี และจีน ชาวโรมันในดินแดนอิตาลีชอบกินแตงกวามาก ถึงกับปลูกไว้บนรถเคลื่อนที่ให้หลบอากาศหนาวได้เพื่อมีแตงกวาสดไว้กินตลอดปี ชาวโรมันอาจเป็นผู้นำพืชนี้เข้าสู่ส่วนอื่นๆ ของดินแดนยุโรป
ในคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่า ประเทศอียิปต์มีแตงกวาอยู่ทั่วไป
พบหลักฐานการปลูกแตงกวาที่ประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ประเทศสหรัฐอเมริกาพบในศตวรรษที่ 16
แตงกวาเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ เป็นไม้เถาเลื้อย ใบบางส่วนเป็นมือม้วนงอจับไม้ค้างหรือนั่งร้าน ลำต้นเหลี่ยมมีขนขึ้นปกคลุม ลำต้นสูงประมาณ 3 เมตร มีรากแก้ว ใบเดี่ยวมีมุมแหลม 3-5 แฉกปกคลุมผล
ดอกแยกเพศเป็นดอกตัวผู้และตัวเมียซึ่งแยกพบบนต้นเดียวกัน ดอกตัวผู้อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม 3-5 ดอก ดอกตัวเมียมีสีเหลืองพบเป็นดอกเดี่ยวเห็นรังไข่ได้ชัดเจน
ผลยาวทรงกระบอกปลายสอบอาจยาวได้ถึง 60 เซนติเมตร ผลอ่อนมีหนามขนาดเล็กเห็นได้ชัดเจน พบทั้งที่มีหนามสีขาวและสีดำ
แตงกวาหนามสีดำจะเก็บได้เพียง 3-4 วันหลังเก็บเกี่ยว ส่วนแตงกวาที่มีหนามสีขาวจะเก็บไว้ได้นานประมาณ 7 วัน มักปลูกบนไม้ค้างหรือนั่งร้านเพื่อไม่ให้ผลแตะดินเน่าเสียง่าย
ผลที่ใช้กินเป็นผลอ่อนสีเขียว ผลสุกมีสีเหลืองมีรสเปรี้ยวและขม
ความจริงแล้วแตงกวาเป็นผลไม้ แต่โดยทั่วไปผู้คนมักกินแตงกวาเป็นผัก
แตงกวาสด ดอง และปรุงสุก
แตงกวาเป็นผักที่มีปลูกและขายทั่วไป ราคาถูก มีจำหน่ายตลอดปี คนไทยทุกภาคนิยมกินแตงกวา ส่วนใหญ่กินกับน้ำพริกทุกชนิด เนื่องจากแตงกวาเป็นผักที่มีน้ำมาก จึงช่วยลดความเผ็ดของอาหารได้
ชาวอีสานกินแตงกวากับลาบ ชาวใต้กินแตงกวาเป็นหนึ่งในจานผักหลากชนิดแกล้มอาหารใต้ที่มีรสจัดเช่นกัน
นอกจากนี้แตงกวาเป็นผักเคียงอาหารจานเดียวจำนวนมาก ได้แก่ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวหมกไก่ ข้าวผัด แก้เลี่ยนในอาหารเหล่านี้
แตงกวาสดเป็นผักประจำอาหารจานสลัดของต่างประเทศ พบในข้าวเหนียวห่อสาหร่ายญี่ปุ่น และกินเป็นอาหารว่างเครื่องจิ้ม
นอกจากกินสดดังที่กล่าวถึงข้างต้นแล้วคนไทยสามารถนำแตงกวามาปรุงสุกเป็นอาหารได้อีก ซึ่งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะไม่มีการกินปรุงสุกเช่นนี้ โดยสามารถนำแตงกวาไปทำแกงจืดหรือทำผัดแตงกวาใส่ไข่ได้ ถ้ามีมากกินไม่ทันก็นำไปดองเก็บไว้กินภายหลังได้
วัฒนธรรมตะวันตกจะกินแตงกวาดองแก้เลี่ยน พบกินทั้งผล หั่นเป็นแว่น หรือสับละเอียดที่เรียกรีลิช (relish) กินกับแฮมเบอร์เกอร์ ขาหมูเยอรมันย่าง หรือซับมารีนแซนด์วิช
ในประเทศไทยมีการกินแตงกวาดองตามแบบวัฒนธรรมตะวันตกเช่นกัน และมีการกินแตงกวาแบบดองด่วนด้วยน้ำส้มสายชู คือที่เป็นอาจาดแกล้มแกงกะหรี่ หมูสะเต๊ะ และขนมปังหน้าหมูนั่นเอง
สาธารณรัฐประชาชนจีนพบการกินแตงกวาทั้งสด เป็นเครื่องเคียง ดอง และปรุงสุก เช่นแกงจืดแตงกวา
ส่วนที่อินเดียมีตั้งแต่ผสมในเครื่องดื่มโยเกิร์ต (เรียก รายีต้า) สลัด แกงจืดแกงเผ็ด เครื่องจิ้มขนมปังอินเดีย (ปาชาดี้) เม็กซิโกกินแตงกวาสดเป็นเครื่องเคียง เช่น ซัลซ่า และสลัดต่างๆ
ประเทศเลบานอนและตะวันออกกลางกินแตงกวา ทั้งสดและปรุงสุกเป็นสลัดและซุป
ยุโรปและสหรัฐอเมริกามักกินแตงกวาสดและแตงดอง มีที่ปรุงสุกก็มักจะอยู่ในรูปของซุปเย็น (แช่เย็นก่อนกิน) กินวันที่อากาศร้อนเท่านั้น (คงคล้ายกับที่คนไทยกินข้าวแช่)
รายการอาหารฝรั่งเศสมีแตงกวาชุบแป้งทอด และปรุงสลัดแบบต่างๆ รายการอาหารสหรัฐอเมริกานอก จากปรุงสลัดใส่ในแซนด์วิชและดองกินแล้ว ยังมีที่ใช้แตงกวาบดผสมครีมชีสทาขนมปัง
ประโยชน์ของแตงกวา
แตงกวามีน้ำเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 96 จึงมีคุณสมบัติแก้กระหาย และเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยการกำจัดของเสียตกค้างในร่างกาย
นอกจากนี้แตงกวามีสารอาหารที่มีประโยชน์ ได้แก่ วิตามินซี กรดคาเฟอิก กรดทั้ง 2 นี้ป้องกันการสะสมน้ำเกินจำเป็นในร่างกาย
เปลือกแตงกวามีกากใยอาหาร และแร่ธาตุจำเป็น เช่น ซิลิก้า โพแทสเซียม โมลิบดีนั่ม แมงกานีส และแมกนีเซียม
ซิลิก้าเป็นแร่ธาตุที่เสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน เส้นเอ็น และกระดูก
ปริมาณเส้นใย ธาตุโพแทสเซียมและแมงกานีสในเปลือกแตงกวาช่วยควบคุมความดันเลือดและความสมดุลของสารอาหารในร่างกาย ธาตุแมกนีเซียมช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ และระบบการหมุนเวียนเลือด เส้นใยอาหารควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและช่วยระบบขับถ่ายโดยมีพลังงานต่ำเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
แตงกวาเป็นผักที่เหมาะกับการกินยามอากาศร้อนเพราะลดความร้อนและช่วยให้ร่างกายสดชื่น มีสารฟีนอลทำหน้าที่ต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น นอกจากนี้ น้ำแตงกวายังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ แก้ไข้ ลดอาการนอนไม่หลับ ลดกรดกระเพาะอาหาร แก้กระหายน้ำ และลดอาการโรคเกาต์ โรคไขข้อรูมาติสม์ และอาการบวมน้ำอีกด้วย
แตงกวากับสุขภาพและความงาม
ป้องกันสิวและสิวหัวดำ
ใช้เนื้อแตงกวาขูดฝอยพอกบริเวณหน้าและคอเป็นเวลา 15-20 นาที บำรุงผิว ถ้าใช้บ่อยจะป้องกันผิวหน้าแห้ง ป้องกันการเกิดสิวและสิวหัวดำ
ผิวหน้าสดใส
ใช้น้ำมะนาวเล็กน้อยและน้ำลอยกลีบกุหลาบ (ที่ปลูกเองแบบปลอดสาร ใช้กลีบกุหลาบมากหน่อย น้ำไม่ต้องมาก วัตถุประสงค์คือให้น้ำมันหอมจากกลีบกุหลาบออกมาอยู่ในน้ำ) ผสมกับน้ำคั้นผลแตงกวา ทาบนผิวหน้าเพื่อทำให้ใบหน้าสดใส (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีผิวมัน)
ผิวหน้าผุดผ่อง
ใช้น้ำคั้นผลแตงกวาและนมสดปริมาณเท่าๆกัน เติมน้ำลอยกลีบกุหลาบ 2-3 หยด ทาหน้านาน 15-20 นาที ทำให้ผิวหน้านุ่มและขาวขึ้น
ลบถุงดำใต้ตา
ใช้น้ำคั้นผลแตงกวา 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำคั้นมันฝรั่ง 1 ช้อนโต๊ะ ทารอบขอบตา พักราว 15 นาทีจึงล้างออก
บำรุงผิว
ผสมน้ำคั้นแตงกวา น้ำมะนาว น้ำส้ม น้ำแช่กลีบกุหลาบ กลีเซอรีน และน้ำผึ้งอย่างละเท่าๆกัน ใช้ทาผิวให้ตึงกระชับเพิ่มความอ่อนเยาว์
ลดรอยหมองคล้ำใต้รักแร้
ผสมน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำคั้นผลแตงกวา 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 1 ช้อนชา และผงขมิ้นครึ่งช้อนชา หลังจากอาบน้ำเช็ดตัวให้ใช้สำลีชุบน้ำมันมะพร้าวเช็ดบริเวณใต้รักแร้เป็นวงกลม หลังจากนั้นผสมน้ำแตงกวา น้ำมะนาว และผงขมิ้นให้เข้ากัน ทาใต้รักแร้ทิ้งไว้ 20 นาที จากนั้นล้างออกและเช็ดให้แห้ง ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
ช่วยการเจริญของผม
ให้ดื่มน้ำคั้นผลแตงกวาและน้ำแครอตเป็นประจำ ซิลิก้าและกำมะถันในน้ำแตงกวาบำรุงเส้นผม เล็บและผิวหนัง
ทรีตเม้นท์ลดความเสียหายของผมจากคลอรีน
ผสมไข่ 1 ฟอง น้ำมันมะกอก 3 ช้อนชา และแตงกวาปอกแล้ว 1 ส่วน 4 ผล ชโลมบนเส้นผม ทิ้งไว้ 10 นาทีจึงล้างออก
ลบรอยด่างดำ
การดื่มน้ำคั้นผลแตงกวาจะช่วยลดรอยด่างดำบนผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่องรอยยุงกัด และให้ทาน้ำแตงกวาผสมน้ำลอยกลีบกุหลาบอัตราส่วนเท่าๆ กันด้วย
แก้อาการเจ็บคอ
แก้อาการเจ็บคอโดยกลั้วคอด้วยน้ำคั้นผลแตงกวาวันละอย่างน้อย 3 ครั้ง
แก้อาการท้องผูก
น้ำคั้นผลแตงกวาเป็นยาระบายอย่างอ่อน ลดกรดในกระเพาะอาหาร ขับปัสสาวะและช่วยการขับถ่าย
มิตรแท้ของดวงตา
หั่นแตงกวาเป็นแว่นตามขวาง หลับตาวางแว่นแตงกวาลงบนเปลือกตา นอนในที่เงียบแสงสลัวๆ จะบรรเทาอาการเหนื่อยล้าของดวงตา ที่เกิดจากการใช้งานนานๆ ได้รับฝุ่นควัน แสงจ้า หรือใส่คอนแท็กเลนส์นานเกินไป
ฟังสรรพคุณมามากแล้ว วันนี้ไปลองดื่มน้ำคั้นผลแตงกวากันดีกว่า
แตงกวา 2 ผลหรือแตงร้านหนึ่งผล น้ำ 2 ถ้วย น้ำแข็ง 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะหรือตามชอบ น้ำมะนาวครึ่งผล ใส่เครื่องปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน อาจใส่ผลไม้อื่นด้วยเช่นแคนทาลูปหรือแตงโม ถ้าใส่ผลไม้อื่นสามารถลดน้ำตาลได้อีกด้วย หรืออาจใช้น้ำเพียง 1 ถ้วย ปั่นแล้วเทใส่แก้วเติมโซดาเย็น 1 ถ้วยก็ได้
สุขภาพดีปั่นเองได้งายนิดเดียวนะคะ
- อ่าน 37,047 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้