นายแพทย์ ดร. เวสารัช เวสสโกวิท หัวหน้ากลุ่มงานพันธุศาสตร์ระดับโมเลกุล สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า "ภาวะโลกร้อนที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันมีสาเหตุหลักจากการปล่อยสารเคมีที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม เช่น สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (Chlorofluorocarbons หรือ CFCs) หรือสารเมทิลคลอโรฟอร์ม (Methyl Chloroform) ขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศมากจนทำลายโอโซนบางส่วนลง ทำให้ความสามารถของบรรยากาศชั้นโอโซนในการกรองรังสีอัลตราไวโอเล็ตที่ตกมายังผิวโลกลดต่ำลง ส่งผลทางอ้อมให้ผิวของมนุษย์มีโอกาสสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเล็ตบีที่เป็นอันตรายต่อผิวได้มากขึ้นกว่าในอดีต
ผลที่ตามมาจากการที่ผิวสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเล็ต คือ ปัญหาผิวพรรณต่างๆ อาทิ ผิวคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ กระ ฝ้า ซึ่งสามารถปรากฏอาการภายในเวลาไม่นานหลังจากผิวได้รับรังสีอัลตราไวโอเล็ตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รังสีอัลตราไวโอเล็ตยังสามารถก่อให้เกิดผิวชราก่อนวัย และมะเร็งผิวหนังได้ในระยะยาว
การใช้ครีมกันแดดจึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หากไม่ได้โดนแดดมาก ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF15-30 แต่ถ้าต้องตากแดดเป็นเวลานาน เช่น ไปเที่ยวทะเล หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง ควรใช้ครีมที่มีค่า SPF30-60 และควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงหากต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานานและเหงื่อออกมาก นอกจากนี้ ควรใช้ครีมที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้ ถ้าต้องทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมากหรือว่ายน้ำ
การใช้ครีมกันแดดจำเป็นต้องเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก เพราะร้อยละ 50 ของปริมาณแดดที่คนเราได้รับจะเกิดขึ้นในช่วง 18 ปีแรกของชีวิต ผู้ปกครองและสื่อจึงมีบทบาทสำคัญมากที่จะต้องส่งเสริมให้เด็กทาครีมกันแดดเป็นประจำ
- อ่าน 2,800 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้