• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับโฮโมเซ็กช่วล

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับโฮโมเซ็กช่วล

 


ถ้าลูกของเรากลายเป็นเกย์ อย่าโทษสภาพภายนอก
เรื่องที่คนอื่นๆที่อยู่ภายนอกจะมาเปลี่ยนลูกเรานั้น อย่าคิด เพราะถ้าเขาจะเป็นเกย์ก็เพราะการเลี้ยงลูกของเราที่ทำให้เขาเป็น เราไม่ยอมให้เขาโต พ่อไม่เป็นแบบฉบับที่ดี อ่อนเกินไป ดุเกินไปจนลูกกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้ แม่แข็งกว่าพ่อมากเกินไป แม่ใช้ลูกมากไป ปู่ย่าตายายโอ๋เด็กมากเกินไป ห่วงเด็กเที่ยวซนมากเกินไป ชอบให้เด็กเรียบร้อย เขาชื่นชมกับการกระทำที่ผิดเพศของเขาในวัยเยาว์ เพราะรู้สึกว่าเขาน่ารักน่าเอ็นดู ว่าง่าย ไม่ดื้อ ไม่ซน
การที่แม่พยายามใส่ความคิด บุคลิก และรสนิยมของตนเองให้กับลูกตลอดเวลา โดยลืมไปว่าลูกไม่ใช่เพศเดียวกับตน มีโอกาสผลักดันให้ลูกกลายเป็นเกย์สูง
ใครจะนินทาว่าอะไรลูกของเราก็ช่างเถอะ เราเข้าใจลูกของเราก็พอแล้ว ถ้าคนอื่นๆเขาพอใจที่จะมีเราเป็นญาติ เป็นเพื่อนเขา พวกเขาก็น่าจะยอมรับและเข้าใจลูกของเราได้ ถ้าเรารับเขาไม่ได้ โอกาสในการที่จะได้ใช้ประโยชน์จากความสามารถของคนที่เป็นเกย์ก็สูญเสียไปเปล่าๆ ถ้าเราอยากให้ลูกทำตัวเป็นคนมีเกียรติ เราก็ต้องให้เกียรติไว้ใจการตัดสินใจของลูกเราก่อน

เกย์ที่ได้รับการยอมรับ มักสามารถทำอะไรๆได้อย่างคนที่ปกติธรรมดา แต่เกย์ที่ไม่ได้รับการยอมรับมักจะถอยหนีจากสังคม หรือไม่เช่นนั้นก็มักจะก้าวร้าว เกลียดชังคนอื่นในสังคม โดยเฉพาะผู้ชายหล่อๆที่ไม่สนใจตน และผู้หญิงที่เขาคิดว่ามาแย่งชิงเอาผู้ชายหล่อไปจากเขา ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเกย์จะเป็นอย่างประเภทหลังกันทั้งหมด เกย์ที่จิตใจเยี่ยงหญิงยอมรับความเป็นหญิง และยอมรับสภาพความพ่ายแพ้ไม่ทัดเทียมหญิง และที่เป็นอัจฉริยะก็มีมาก
การที่เราจะช่วยคนที่เป็นเกย์ได้คือ เรียนรู้เพื่อจะรัก แล้วตัดความรู้สึกดูแคลนออกไปช่วยให้เขาเติบใหญ่เป็นคนดี ที่มีค่ากับสังคม เพราะคนที่เป็นเกย์อาจได้กำลังใจที่ดีและไม่รังเกียรติตัวเองมากไป มักจะทำอะไรๆ ที่มีค่ากับสังคมได้ไม่แตกต่างไปจากชายจริงหญิงแท้

อย่าแสดงปฏิกิริยาการรับรู้เรื่องใครสักคนที่เป็นเกย์ด้วยความกลัว ความขยะแขยง การด่าประณาม หรือหลีกเลี่ยงชีวิตของพวกเขา ทิ้งความชังรังเกียจเป็นคลื่นใต้น้ำ จงขจัดคลื่นเหล่านั้น แล้วหันมาจับเข่าคุยกันเพื่อความเข้าใจที่แท้จริง คนเราจะเข้าใจกันก็ต่อเมื่อเปิดใจฟังคำพูดของคนอื่น แต่คนเรามักจะฟังคำของคนอื่นมากกว่าคำของคนใกล้ชิดที่เป็นเกย์ เมื่อคนของเราพยายามอธิบายอะไรกับเรา เราต้องไม่มองอะไรตื้นๆจากคำที่เขาใช้ แต่ต้องมองให้ลึกว่า เขาพยายามจะบอกอะไรกับเรา ถ้าเขายอมรับว่าเขาเป็นเกย์ก็เพราะว่า เขาอยากให้เราร่วมรับรู้ชีวิตเขา คนที่เป็นเกย์มักจะมีปัญหานี้อยู่ในใจเสมอ ฉันจะบอกพวกเขาได้อย่างไร พวกเขาคงไม่มีวันเข้าใจฉันแน่ ฉันพูดอะไรไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น เขาไม่ยอมมองหน้าฉันเลย ฉันจะทำไงดี

พวกเกย์มักจะเป็นพวกที่มีปัญหากับการมองตัวเองว่าเลวร้าย ต่ำต้อย เมื่อเขาบรรลุวุฒิภาวะ เขามักจะเกลียดตัวเองที่ทำอะไรวิตถาร แต่เขาก็แก้ไขตัวเองไม่ได้ เพราะการเป็นเกย์เป็นวิวัฒนาการระยะยาวที่มิใช่จะแก้กันได้ง่ายๆ กว่าที่เกย์จะลุกขึ้นมามองเห็นคุณค่าของตัวเองได้ก็ต่อเมื่อมีแบบฉบับของเกย์ที่มีเกียรติบางคนให้เขาได้เห็นเป็นตัวอย่างเท่านั้น หากเรารู้ว่าคนที่เรารัก คนที่เรารู้จักเป็นเกย์ แทนที่เราจะมานั่งเจ็บปวดรวดร้าวกับข่าวอย่างนี้ เราควรที่จะทบทวนว่า เมื่อเล็กๆนั้นพวกเขาเจอประสบการณ์อะไรบ้างที่ทำให้เขาโตมาอย่างที่เขาเป็น แทนที่เราจะมานั่งอธิบายกับเขาว่า เขาควรจะเป็นอะไร ให้เขาอธิบายตัวเขาเองให้เราฟังดีกว่าน่า เขาเป็นอะไร

สำหรับเราๆท่านๆที่มิใช่พ่อแม่ อาจจะพบกับเกย์ในความสัมพันธ์ต่างๆกัน เราก็ควรจะเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา พวกเกย์ทุกคนเจ็บช้ำจากคำนินทาและคำด่าว่า จนมีผู้คนฟังด้วยความขบขันมานานแล้ว ภาพพจน์ของเกย์ในสื่อมวลชนที่แสดงออกก็มักจะเป็นภาพที่น่าดูถูกเหยียดหยาม แล้วถ้าคนรอบข้างเขาก็เป็นเช่นเดียวกับที่พวกเขาพบเห็นในสื่อมวลชนแล้วพวกเขาจะหันหน้าไปหาใคร
โฮโมหรือรักร่วมเพศเป็นเรื่องของสภาพจิตที่ผูกพันกับเพศเดียวกัน บางคนที่กล้าก็อาจจะมีประสบการณ์รักร่วมเพศไปด้วย บางคนที่ไม่กล้าก็อาจจะมีเพียงสภาพจิตใจ คนที่ขี้อายหรือไม่ค่อยมีเงินนัก ชีวิตการรักร่วมเพศมักจะอับเฉา ความกลัวที่จะเป็นเกย์และถูกประณาม ทำให้ผู้ชายหลายๆคนที่เป็นเกย์พยายามที่จะหลับนอนกับผู้หญิง เพราะธรรมชาติของผู้ชายนั้นกลัวความไร้สมรรถภาพทางเพศ พูดแล้ว...การสมสู่ทางเพศจึงมีสูง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายที่ไม่มีความเชื่อมั่นหรือมั่นใจในทิศทางทางเพศ รสของตนเอง แต่อย่างที่ได้กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า การเป็นรักร่วมเพศเป็นสภาพของจิตใจ คนที่เป็นเกย์บางคนแม้จะเคยหลับนอนกับผู้หญิงในใจของเขา-เขาก็เป็นเกย์อยู่นั่นเอง
บางคนที่เป็นโฮโมแล้วต้องการจะหลุดพ้น มักจะทำตนเป็นพวกไบเซ็กช่วล คือ พวกผู้หญิงก็ได้ชายก็ดี แต่แท้จริงแล้ว แนวโน้มที่จะหันเหไปทางเกย์มีมากกว่า ดังนั้น ไบเซ็กช่วลทั้งหลายจึงมักจะเป็นโฮโมที่พยายามปฏิเสธตัวเองเสียมากกว่า

เมื่อพูดถึงเรื่องเกย์ คนที่ไม่เป็นเกย์ส่วนใหญ่มักจะนึกถึงพฤติกรรมทางเพศ เรื่องบนเตียงนอน แล้วถามกันว่าเขาทำอย่างไรกัน ใครเป็นหญิงเป็นชาย ซึ่งมักจะใช้คำว่า ใครเป็นควีน ใครเป็นคิง ซึ่งบางคนก็เป็นควีนแน่ชัดไปเลย แต่เกย์ยุคใหม่มักจะไม่มีเส้นขีดที่แน่ชัด แม้แต่พวกที่แต่งตัวออกสาวๆชัดเจน บางทีก็เล่นบทบาทของผู้ชายบนเตียงได้ และเกย์ที่มองดูเป็นชายอย่างนักกีฬา บางทีก็หวานน่ารักเล่นบทของผู้หญิงได้ไม่เลวพอๆกันคนที่เป็นควีนมักจะชอบผู้ชายที่ออกเป็นชาย แต่คนที่เป็นคิงมักจะชอบชายที่หน้าตาสวยออกเป็นผู้หญิงๆ แล้วตนเองก็มักจะเล่นบทบาทของความเป็นชาย พฤติกรรมทางเพศส่วนใหญ่ก็มักจะออกมาทางด้านออรัลหรือมาสเตอร์เบชั่น
คนที่เป็นเกย์นั้นเมื่อเล็กๆก็มักจะดูเป็นคนเรียบร้อย น่ารัก ไม่ซุกซน และในขณะที่ยังเป็นเด็กไม่มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง คนพวกนี้ก็มักจะเป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ในฐานะเป็นที่ไม่ซน ว่านอนสอนง่าย การกระทำของเขามักจะเป็นที่ยอมรับของผู้ใหญ่ จนกระทั่งเมื่อถึงจุดที่วันของเขาเข้าสู่เวลาที่สามารถปลุกเร้าทางเพศได้ แต่แทนที่จะเกิดอารมณ์กับเพศตรงข้าม เขาก็จะมีอารมณ์กับเพศเดียวกัน ถึงเวลานั้นเขาก็เริ่มเป็นคนที่น่าเกลียด น่าชัง น่าขยะแขยง สำหรับพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงไปเลย ทั้งๆที่ผู้รังเกียจก็คือคนที่เคยชื่นชมบทบาทผิดเพศของพวกเขาในวัยเด็กมาก่อน

การข้องแวะกับความสุขทางเพศกับเพศตรงข้ามที่เป็นของต้องห้ามในสังคมวัยเด็ก ทำให้เด็กชายหันมาสนุกสนานกันเองในลักษณะของการมาสเตอร์เบชั่นหมู่ด้วยความคึกคะนอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นเกย์ เมื่อโตขึ้นเด็กบางคนก็หลุดพ้นความรู้สึกนี้ไป แต่เด็กบางคนที่การเลี้ยงดูได้ทำจิตใจเขาให้เป็นหญิงและผูกพันกับเพศเดียวกัน จะไม่หลุดพ้นจากความรู้สึกชอบสิ่งเหล่านี้ และพัฒนาขึ้นมาเป็นเกย์ในที่สุดพอเข้าสู่วัยหนุ่ม เด็กที่เป็นเกย์จะเริ่มรู้สึกในความแปลกของตน และบางคนก็จะเริ่มต่อสู้กับสภาพจิตใจของตัวเอง โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในครอบครัวที่เกลียดชังความแปลกประหลาดนั้น บางคนจะพยายามทำทุกอย่างที่เด็กผู้ชายจริงๆเขาทำกัน เช่น เที่ยวผู้หญิง สูบบุหรี่ กินเหล้า และบางคนก็ทำในดีกรีที่สูงกว่าคนที่เป็นผู้ชายแท้ๆ เขาทำกัน เพื่อยืนยันความเป็นชายแท้ของตน ทั้งๆที่จิตใจยังคงผูกพันและพอใจเพศเดียวกันอยู่ กว่าจะมารู้สึกตัวอย่างแท้จริงและยอมรับตัวเองได้ บางทีมันก็กลายเป็นคนไร้สุขมาเสียเป็นเวลานานมากขึ้นๆ การที่เด็กจะเป็นเกย์หรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ติดตัวเด็กมาแต่กำเนิด แต่มันเป็นเรื่องของการเรียนรู้ที่พ่อแม่จะต้องเป็นผู้ชี้ให้ชัด

การที่คนจะมีอารมณ์เพศเป็นเรื่องไปทางใด ขึ้นอยู่กับคนเรานั้นมองบทบาททางสังคมในครอบครัวและในหมู่ญาติมิตรว่าเป็นอะไร ถ้าเขามองตัวเขาเองมีบทบาทผู้หญิงในขณะที่ร่างกายเป็นชาย ความพอใจทางเพศที่จะถูกดึงดูดเข้ามาหาเพศเดียวกัน ก็เป็นผลที่ตามมา ถ้าเด็กมีปัญหาสับสนกับบทบาทของเพศพ่อเพศแม่ ที่เขาพบเห็นว่าไม่ควรกระทำอะไร ไม่ควรแสดงออกอย่างไร เขามักจะมีโอกาสเป็นเกย์ได้มาก พ่อที่อ่อนเกินไป พ่อที่ทิ้งลูกไม่มีเวลาให้ลูก พ่อที่ดุเกินไปจนลูกชายเกลียดกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้ มักจะทำให้ลูกชายไม่ชอบบทบาทของความเป็นชาย และก็จะกลายเป็นเกย์ได้มาก

เด็กที่ถูกเลี้ยงมาให้เห็นว่า การแสดงบทบาททางเพศที่แท้จริงของตนเองไม่ได้รับการยอมรับ ไม่ได้รับความรักที่เพียงพอ มักจะเปลี่ยนบทบาทของตนไปเป็นเพศตรงข้าม เช่นเด็กชายที่ซนแล้วถูกตี เด็กชายที่ชอบโวยวายแล้วถูกด่า มักจะเรียกร้องความรักจากพ่อแม่ด้วยการทำตัวติ๋มๆ น่ารัก แล้วพ่อแม่ก็จะพอใจ ถือว่าเลี้ยงลูกสบาย
พ่อดุและแม่ที่ปกปิดลูก โอ๋ลูกจนเกินเหตุ ทำให้ลูกเกลียดพ่อรักแม่ และอยากมีบทบาทชีวิตอย่างแม่ที่ตนรัก เพราะปกป้องตนเองจากพ่อที่ดุร้าย น่าเกลียดน่ากลัว การเป็นเกย์ไม่ได้เกิดขึ้นในบ้านที่มีปัญหาเสมอไป บ้านที่ร่ำรวยมีเงินทองแต่บอกบทบาททางเพศที่ถูกต้องให้ลูกไม่ได้ ต่อให้รวยล้นฟ้าลูกก็อาจเป็นเกย์ และบางทีก็มากกว่าคนยากจนด้วยซ้ำไป

เกย์ที่มีศักยภาพแห่งความสามารถยังมีอยู่อีกมาก แต่น่าเสียดาย ที่พวกเขาใช้พลังที่มีอยู่ไปใช้ในการแอบซ่อนเร้น ความเป็นตัวเองของเขา เวลาที่เขามีทุกข์จากความรัก เขาไม่สามารถจะไปเล่าบอกใครได้ เพราะความรักของเขาเป็นความลับ เขาจึงต้องแก้ไขปัญหาคนเดียวด้วยความเหงา และขมขื่นแม้ในยามที่เขาต้องการให้ใครสักคนปลอบใจ เขาก็ไม่กล้าบอกปัญหาของพวกเขา เขาต้องแก้ปัญหาคนเดียว...อย่างเดียวดายและปวดร้าว...ไร้คนปลอบใจ

 

ข้อมูลสื่อ

96-013
นิตยสารหมอชาวบ้าน 96
เมษายน 2530
รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา