วัยรุ่นกับความอยากเด่น
เยาวชนคือทรัพยากรอันล้ำค่าของชาติ เราต้องการให้เยาวชนของเรา เติบโต แข็งแรง ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ น้อง ๆ มีความคิดเห็นต่อปัญหาเยาวชนอย่างไร ส่งข้อเขียนมายังคอลัมน์นี้ได้ครับ.....” |
“จากการสังเกตเพื่อน ๆ หลายคนในห้องเรียนและในโรงเรียน ผมมีความรู้สึกว่าเด็กบางคนซึ่งมีจำนวนไม่น้อยทีเดียวกำลังพยายามทำตัวให้เด่นหรือแปลกไปจากเพื่อนฝูงทั้งในทางดีและทางเสีย เช่นว่า มุมานะเพื่อเป็นนักกีฬาของโรงเรียนหรือใส่รองเท้าที่ผิดระเบียบอันเป็นสิ่งที่มีอยู่เสมอในเด็กที่เริ่มโตและเริ่มมีความคิดอ่านเป็นของตนเอง แต่จะขอพูดถึงในกรณีเกี่ยวกับวัยรุ่น เพราเป็นวัยของตัวเอง และคิดว่าตัวเอง ก็เป็นผู้หนึ่งที่มีความรู้สึกดังกล่าวอยู่ในใจ
พฤติการณ์ต่าง ๆ ของวัยรุ่นในโรงเรียนนั้น การทำตัวเด่น หรือที่เขาใช้ศัพท์ว่า “ซ่า” หรือ “ยืด” ดูจะเป็นพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมากในปัจจุบัน และมักจะถูกครูอาจารย์เพ่งเล็งมากที่สุด แต่มีครูอาจารย์น้อยท่านที่จะเข้าใจถึงสาเหตุและปัญหาที่วัยรุ่นเหล่านี้มีอยู่ เพราะเคยได้ยินเสียงตำหนินักเรียนและเสียงบ่นในหมู่ครูกันเองอยู่บ่อย ๆ เช่นว่า
“แหม จริง ๆ นะ ชั้นไม่เข้าใจเลยว่านายบัญชานี่ทำไมถึงดื้อด้านดักดานเหลือเกิน แต่งตัวผิดระเบียบอยู่ทุกวัน วันนี้จับผิดเพราะใส่รองเท้าสลับสี พรุ่งนี้ใส่กางเกงมีกระเป๋าหลัง ถัดมาอีกวันใส่เสื้อไม่มีสาบ มาโรงเรียนสายทุกวัน แต่ละชั่วโมงก็เข้าห้องแสนจะช้า แถมเมื่อวานยังเอาไฟแช็คดันฮิลอันละพันกว่าบาทมาวางโชว์บนโต๊ะเรียน”
“สงสัยขโมยพ่อมาละสิ เหมือนแม่ยุวดีที่ห้องหนู ที่เอาแหวนทับทิมของคุณแม่ใส่มาโรงเรียน แล้วขากลับบ้านตอนเย็นถูกจี้ที่ป้ายรถเมล์นั่นไง พ่อแม่นี่ก็ช่างกระไร ของราคาเรือนหมื่น ปล่อยให้ลูกเอามาใส่ล่อโจร”
“อ่อนใจจริงจริ๊งกับเด็กพวกนี้ สอนก็แล้ว ด่าก็แล้ว ขู่ทำโทษหักคะแนนก็แล้วดีได้พักหนึ่ง อีกซักอาทิตย์เอาอีกละ เบื่อจริงเชียว”
และนั่นดูเหมือนจะเป็นบทจบของการพูดถึงปัญหาที่ว่าในแทบทุกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าศึกษาถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กเป็นอย่างนั้น แต่ก็ดูไม่ใคร่มีใครใส่ใจอาจเป็นเพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นประจำจนเป็นธรรมดาไปเสียแล้ว โปรดได้สังเกตว่า ตัวอย่างที่ยกมานั้น เป็นพฤติการณ์ที่เด็กแสดงออกที่โรงเรียน ซึ่งทางบ้านมักไม่รู้เรื่อง หรือบางทีไม่สนใจ เพราะวัยรุ่นปัจจุบันไม่น้อยทีเดียวที่มีพฤติกรรมแสดงออกที่บ้านกับที่โรงเรียนผิดกันอย่างหน้ามือเป็นหลังเท้า (สำนวนวับรุ่น พ.ศ. นี้) และบางทีผู้ปกครองก็จนปัญญาที่จะไปตรัสรู้ว่า เสื้อ กางเกง กระโปรง และรองเท้าเครื่องแบบนั้น เขาจะต้องสั้นยาว สีอ่อนแก่ยังไง แต่แท้ที่จริงแล้ว “บ้าน” มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เด็กมรการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมต่าง ๆ ที่โรงเรียนอย่างมากทีเดียว
วัยรุ่นที่พยายามทำตัวเด่นในหมู่เพื่อน เชื่อว่าร้อยละร้อยเป็นผู้ที่มีปัญหามากจากทางบ้าน ปัญหาที่ว่านี้อาจะไม่ใช่ลักษณะขัดแย้งกันหรือไม่ลงรอยกันเสมอไป แต่ส่วนใหญ่มักเป็นปัญหาที่เราอาจไม่สังเกตเห็น เช่น เด็กขาดความอบอุ่น ความเอาใจใส่ โดยที่พ่อแม่มัวแต่ทำงานยุ่ง และคิดว่าการที่ถึงเวลามีข้าวปลาให้กิน มีสเตริโอให้เล่น มีเงินให้ใช้ไม่ขาดมือ ก็เป็นการให้ความเอาใจใส่ และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของพ่อแม่ที่ดีเพียงพอแล้ว กับครอบครัวประเภทนี้ เด็กจะมีการแสดงออกในลักษณะที่ไม่รุนแรงนัก ไม่ว่าในทางดีหรือร้ายก็เพียงแต่แค่หอมปากหอมคอ ยังพอว่ากล่าวตักเตือนกันก็รู้ และเมื่อเด็กรู้สึกว่าได้รับการเอาใจใส่ จะทำให้แกพยายามทำตัวดีขึ้น แต่ในรายที่มีความรู้สึกว่าตนเองถูกทอดทิ้งหรือยิ่งไปกว่านั้น คือ ถูกเกลียดชัง ถูกปฏิเสธจากคนที่ตนต้องการความรัก อันอาจจะเป็นพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ พี่หรือผู้อุปการะ บางทีเลยพาลให้อิจฉาน้องหรือพี่ ทะเลาะเบาะแว้งไม่ลงรอยกัน กรณีเช่นนี้วัยรุ่นจะมีปฏิกิริยาทางความคิดรุนแรง เริ่มตั้งแต่การทำตัวแหวกแนว ผ่าเหล่า ก้าวร้าว เอาแต่ใจตัวเอง และบ่อยครั้งที่จะหลอก หรือปลอบใจตนเองด้วยการสร้างภาพความสุขความสำเร็จที่สูงส่งเลอเลิศ มาทดแทนอารมณ์เศร้าและผิดหวัง บ้างอาจจะฝันว่าตัวเองเป็นโจรปล้นธนาคาร ฆาตกรโหด ดาราดัง หรือเจ้าหญิงเจ้าชายอะไรไปโน่น ซึ่งล้วนเป็นสถานภาพที่ผู้คนทั้งหลายจะรู้สึกทึ่งหรือประณามหรือยกย่อง หรือสนใจ และยิ่งสร้างภาพเหล่านี้ไว้มาก บ่อย สูงส่งเท่าใด ก็จะทำให้ผิดหวัง เมื่อทนต่อสภาพที่เป็นจริงต่อไปไม่ได้มากเท่านั้น แน่นอนสิ่งที่ตามมาก็คือ ความล้มเหลวทางการเรียน การปรับตัวเข้ากับสังคม ตลอดจนวิถีชีวิตด้านอื่น ๆ หรือทั้งหมดและอาจรุนแรงจนนำไปสู่การฆ่าตัวตาย เมื่อตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถที่จะหาทางออกของชีวิตได้
ในฐานะที่เป็นวัยรุ่น ผมอยากจะพูดแทนพวกเขาเหล่านั้นว่า บ้านคือเบ้าหลอมแห่งชีวิต แม้ว่าในปัจจุบันเด็กจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในโรงเรียนหรือนอกบ้านมากขึ้น ตั้งแต่ตีนยังเล็กเท่าฝาหอย จนโตเท่าฝาตุ่ม แต่บ้านก็คือบ้าน คือสถานที่ที่เด็กจะได้รับความอบอุ่น การเอาใจใส่ดูแล บรรยากาศของความเป็นครอบครัว ที่สำคัญ ความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่พี่น้องและ “ความรู้สึกของความเป็นลูก” นั้น เป็นสิ่งซึ่งเขาไม่อาจจะหาได้จากที่อื่นใดในโลก ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนอนุบาลเกรดเอ หรือโรงเรียนชั้นวิเศษสุดราคาแพงใด ๆ ก็ตามจากชื่อเรื่องที่ว่า วัยรุ่นกับความอยากเด่น ก็ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทและความสำคัญของความรักและความเข้าใจในชีวิตครอบครัว ระหว่างพ่อแม่ลูก และเด็กกับผู้ใหญ่ไว้ด้วยประการฉะนี้
- อ่าน 6,479 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้