• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

สิ่งที่บริษัทขายบุหรี่ไม่มีในโฆษณา

สิ่งที่บริษัทขายบุหรี่ไม่มีในโฆษณา

คนเราควรจะสูบบุหรี่หรือไม่ นั่นเป็นคำถามที่ผู้อ่านทุกท่าน น่าจะให้คำตอบแก่ตนเองได้ดีกว่าผู้อื่น และต่อไปนี้ ท่านจะได้รับทราบความจริงอันน่าสยดสยอง ที่นักสูบบุหรี่ท่านหนึ่งได้ประสบมาด้วยตัวเอง ถ่ายทอดให้ท่านทราบโดยตัวของเขาเอง ผู้ซึ่งได้เคยไปเยือนดินแดนแห่งโรคมะเร็งมาแล้ว
 

“เมืองบุหรี่” ของบริษัทโฆษณาส่วนใหญ่ที่ปรากฏบนจอโทรทัศน์ เรามักจะได้เห็นแต่พวกเคาบอยหุ่นสมาร์ท บนหลังม้า รูปร่างปราดเปรียว หรือไม่ก็จะเป็นฉากที่มีรถสปอร์ต ในเรือยอชท์ บนเรือบิน หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งล้วนแต่เป็นฉากที่ดูแล้วทำให้เกิดความรู้สึกปลอดโปร่ง ร่าเริง เป็นเมืองที่ผู้คนทั้งหญิงชาย ล้วนแต่มีความเชื่อมั่นในตนเองอย่างสูง ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็จะได้พบแต่ความยิ้มแย้มแจ่มใสและร่าเริง

แต่ที่ผมรู้จักนั้นมันเป็นอีกเมืองหนึ่ง เป็นเมืองที่ใครก็ตามเมื่อได้เข้าไปแล้ว มีน้อยคนนักที่อยากจะหวนกลับไปอีก ในเมืองแห่งความเศร้านี้ ไม่มีคนหนุ่มที่แข็งแรง ไม่มีหญิงสาวที่ร่าเริงแจ่มใส ผู้คนที่เคยมีตำแหน่งเป็นหัวหน้า หรือเสมียนลูกจ้าง ต่างก็มีสภาพที่เกือบจะเหมือน ๆ กัน ไม่ใช่เพราะพวกเขาต่างใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกันเท่านั้น แต่อาจจะเป็นเพราะพวกเขาเหล่านั้น ต่างก็มีชีวิตอยู่ด้วยความหวังอันริบหรี่ และมีความรู้สึกที่แสดงออกทางใบหน้าเหมือนๆ กันอีกด้วย ครับผมกำลังพูดถึงเมืองของโรคมะเร็งที่ผมเคยไปอยู่มาแล้ว

เมื่อปี 2506 ผมอายุ 44 ปี ผมแต่งงานแล้วและมีลูกเล็ก ๆ 2 คน ผมทำงานได้เงินเดือนดีอยู่กับบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง และอนาคตกำลังมีทีท่าว่าจะไปไกล อยู่ ๆ ในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกันนั้น ผมก็เริ่มมีอาการเจ็บคอ กลืนอะไรลำบาก แพทย์ประจำครอบครัวของเราบอกว่า ถ้าอีกหนึ่งอาทิตย์อาการนั้นยังไม่หาย เขาก็จะนัดให้ผมไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคคอโดยเฉพาะ และอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา ผมก็ยังคงมีอาการเหมือนเดิม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้วินิจฉัยเพียงง่าย ๆ ว่า ผมเป็นโรค “อุปาทาน” และยืนยันผลวินิจฉัยเช่นเดียวกันนี้อีกในเดือนตุลาคมจนในที่สุดในเดือนมกราคม ปี 2507 ผมก็ชักจะเอะใจว่า ผมคงไม่ได้เป็นเพียงแค่โรคอุปาทานเสียแล้ว ผมจึงไปขอรับการตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และที่นั่น นายแพทย์ผู้ตรวจได้บอกผมอย่างสุภาพที่สุดที่เขาจะทำได้ว่า ผมเป็นมะเร็งที่คอ

สิ่งแรกที่ผมคิดในขณะนั้นก็คือผมคงจะต้องตาย และเอลีน ภรรยาของผมจะต้องขายบ้านที่เราอยู่ ผมนึกสงสารลูกๆ ที่คงไม่อาจจะเติบโตในบ้านหลังนั้นได้อีกต่อไป เพราะขาดผม เราเพิ่งจะซื้อบ้านหลังนี้ได้เพียงสองปีเท่านั้นนายแพทย์ได้แนะนำให้ผมไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง ชื่ออีสเทิร์น ฮอสปิต้อล และอีกสองวันต่อมา ผมกับเอลีน ก็ได้ไปที่นั่น หลังจากทางโรงพยาบาลได้รับผมเข้าเป็นคนไข้ในแล้ว ก็ได้จัดให้ปมอยู่ในห้องๆ หนึ่ง ห้องนี้มีเตียงสี่เตียง อยู่บนชั้นที่เจ็ดทางด้านตะวันออกของตัวตึก ซึ่งเขาเรียกกันว่า “เจ็ด-ตะวันออก”

ทันทีที่ผมได้เห็นสภาพของคนไข้ทั้งสามที่อยู่ในห้องนั้น ผมแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง ขณะนั้นเป็นเวลาอาหารเย็นพอดี คนไข้ทั้งสามกำลังสาละวนอยู่กับการกินอาหาร ซึ่งวิธีการกินมีดังนี้ คนไข้แต่ละคนก็ต่างยืนอยู่ที่ข้างเตียงของตัวเอง ค่อย ๆ เทของเหลวสีชมพูอ่อนลงในหลอดแก้วเล็ก ๆ แล้วต่างก็ยกหลอดแก้วขึ้นสูงเหนือระดับศีรษะ ของเหลวสีชมพูนั่นก็จะไหลจากหลอดแก้วผ่านหลอดพลาสติกเข้าไปในท่อบาง ๆ ใส ๆ ซึ่งโผล่ออกมาจากรูจมูกข้างหนึ่ง
พวกเขาต้องกินอาหารกันด้วยวิธีนี้ เพราะว่า ผนังด้านหน้าของลำตอ ปาก ลิ้น และหลอดอาหารได้ถูกผ่าตัดทิ้งไป จนสามารถมองเห็นผนังด้านหน้าทั้งหมดของคอหอย ที่ถูกเปิดออกตั้งแต่ใต้กรามลงไปจนเกือบถึงกระดูกหน้าอกตอนบนสุด แต่ละคนต้องมีผ้าคอยซับปีกโตพอกไว้ตรงใต้คาง เพื่อคอยซับน้ำลายที่ไหลออกมาอย่างสม่ำเสมอจากคอหอย

จากการที่ได้เห็นวิธี “กินทางหลอดแก้ว” มันทำให้ผมช็อค และได้รับความทรมานใจอย่างที่สุด นับตั้งแต่วันที่ผมได้ทราบว่าผมเป็นมะเร็ง ทันทีที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคนไข้ ผมได้รีบกลับไปที่ห้องโถงซึ่งเอลีนนั่งคอยผมอยู่ ผมจุดบุหรี่สูบด้วยมือที่สั่นระริก นึกเห็นตัวเองกำลังตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับคนไข้เหล่านั้น ซึ่งบางคนอาจจะเสียชีวิตภายในเวลาหนึ่งอาทิตย์หรือราว ๆ นั้นนายแพทย์เจ้าของไข้ได้มาพบเราที่ห้องโถง ผมจึงบอกเค้าไปอย่างตรงไปตรงมาว่า ผมขอเลือกที่จะตายเสียดีกว่าที่จะต้องถูกผ่าตัดเช่นเดียวกับคนไข้เหล่านั้น แต่หมอได้ปลอบใจผมว่า อย่าเพิ่งวิตกกังวลจนเกินไปนัก เพราะบางทีในกรณีของผม อาจจะไม่ถึงขั้นที่จะต้องผ่าตัดแบบนั้นก็ได้

ข้างนอกหิมะกำลังตกหนัก แต่เอลีนจำเป็นต้องรีบกลับบ้าน ซึ่งเธอจะต้องขับรถไปคนเดียวอีกถึง ๖๐ ไมล์ ผมเดินไปส่งเธอที่ลิฟท์ พยายามบังคับจิตใจให้เป็นปกติ “ขับรถระวังหน่อยนะ” ผมพูดกับเอลีนได้เพียงเท่านั้นเอง และจูบลาเธอผมรีบเดินกลับไปที่ห้องโถงอีก เพราะไม่ต้องการที่จะได้เห็นคนไข้ที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งอยู่ในห้องเดียวกับผมเหล่านั้น แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะหนีไปให้พ้นจากคนไข้ที่มีสภาพอย่างเดียวกันนั้นได้ มันมีอยู่ทุกแห่งที่ผมไป นั่นคือภาพของคนที่ได้ถูกชำแหละเอาเนื้อหนังที่กราม ที่คอ คาง หรือจมูก ออกไป หลายคนกำลังรอการทำศัลยกรรมพลาสติก เพื่อซ่อมแซมใบหน้าหรือลำคอของพวกเขา

ซึ่งในกรณีนี้ จำเป็นจะต้องทำการปลูกแผ่นเนื้อขึ้นใหม่ ซึ่งตามภาษาศัลยกรรมอันน่าทึ่ง เรียกแผ่นเนื้อนี้ว่า “เพดิเคิ่ล” สามารถปลูกขึ้น ณ ตรงจุดใดก็ได้บนร่างกายของคนไข้ ตามแต่ศัลยกรรมแพทย์จะเห็นว่าเหมาะสม มีคนไข้รายหนึ่ง กำลังได้รับการปลูกเนื้อชนิดนี้ตรงบริเวณด้านข้างของลำคอ โดยทำเป็นรูปตัวยูหรือเป็นรูปโค้งเหมือนกับหูกระเป๋า ส่วนอีกคนหนึ่ง แพทย์ต้องปลูกเนื้อให้ตั้งแต่บริเวณกระดูกไหปลาร้า เหนือไหล่ขวา ยาวโค้งขึ้นไปจนถึงคอหอยตรงใต้คาง ซึ่งมีความยาวรวมทั้งสิ้น 18 นิ้ว
ผมแทบจะเป็นโรคประสาทเสียให้ได้ เพราความหวาดเสียว นึกหวั่นใจว่าในไม่ช้านี้ ใบหน้าของผมเองจะดูเหมือนกับอะไรหนอ ผมเฝ้าปลอบใจตนเองว่า ตัวผมอาจจะไม่ต้องถึงกับโดนผ่าตัดก็ได้ ผมพยายามเพ่งสายตาให้ไปจับอยู่ที่ฝาผนัง บนพื้นห้อง และทุก ๆ แห่งที่ไม่มีคนไข้ผู้น่าสงสารเหล่านั้น
เครื่องรับโทรทัศน์ของโรงพยาบาลยังคงเปิดอยู่ ผมได้ยินเสียงสปอนเซอร์โฆษณาบุหรี่ กำลังโฆษ-ณาผลิตภัณฑ์ของเขา ว่ามันช่างวิเศษเลอเลิศเสียเหลือประมาณ ท่ามกลางบรรดาผู้ชม ซึ่งเป็นคนไข้ที่ได้สูบบุหรี่มาตลอดชั่วอายุของเขาเหล่านั้น และไม่สามารถที่จะรับรู้รสของบุหรี่ หรือแม้แต่รสชาติของสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้นอีกต่อไปแล้ว เพราแม้แต่อาหารที่กิน ก็จะต้องถูกเทผ่านลงไปทางหลอดพลาสติก ซึ่งหลอดพลาสติกนั้น มันไม่มีต่อมสำหรับรับรู้รสชาติของสิ่งใดทั้งสิ้น

ผู้คนที่ปรากฏตัวเคลื่อนไหวอยู่ในภาพโฆษณาเหล่านั้น มีสุ้มเสียงที่เป็นเสน่ห์ น่าทึ่ง ชัดเจน และมีกังวาน แต่บรรดาผู้ชมซึ่งเป็นคนไข้ที่นั่งอยู่รอบ ๆ ตัวผมในห้องโถงเหล่านั้น หาได้มีสุ้มเสียงที่น่าฟังเช่นนั้นไม่ แต่แท้ที่จริงแล้ว คนไข้บางคนไม่มีเสียงเลย เพราะกล่องเสียงได้ถูกตัดทิ้งไปเสียแล้ว
บรรดาร่างที่ปราศจากเสียงเหล่านี้ ต่างก็ต้องมีกระดาษ, ดินสอ ติดตัวไว้สำหรับการติดต่อกับผู้อื่น บางคนที่ลิ้นคอหอยยังหลงเหลืออยู่ก็โชคดีหน่อยที่สามารถใช้เครื่องมือไฟฟ้าชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายไฟฉาย ทำเสียงขึ้นมาได้ โดยวิธียกมาแตะที่คอหอย แล้วเครื่องนั้นก็จะรับเอาการสั่นสะเทือนจากที่ ๆ เคยเป็นกล่องเสียง เสียงที่เกิดขึ้นเป็นเสียงสั่น ๆ แหลมเล็กและค่อนข้างเบา แต่ผู้ฟังก็พอจะฟังเข้าใจได้

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมถูกพาตัวไปยังห้องผ่าตัดเพื่อรับการตรวจหลอดลม มันช่างเหมือนกับการกลืนเอามีดดาบเข้าไปทั้งเล่ม หมอบอกให้ผมเงยหน้าขึ้นให้มากที่สุด แล้วหมอก็ค่อย ๆ แหย่ท่อเหล็กเข้าไปในปากของผม ลึกลงไปจนถึงคอหอย ผมมีความรู้สึกเหมือนอยากจะคายเจ้าท่อนั้นออกมา เพราะมันทำให้ผมคลื่นไส้ และหายใจไม่ออก ระหว่างนั้นพวกหมอสองสามคนได้ผลัดเปลี่ยนกันส่องมองลงไปในท่อ
บางครั้งบางคราวหมอก็ได้เอาตัวอย่างไปตรวจ โดยวิธีแหย่เครื่องมือเล็ก ๆ ลงไปในท่อ แล้วขลิบเอาเนื้อเหยื่อจากตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อยออกไป ผมถึงกับอาเจียนออกมาในระหว่างนั้น เพราะอากาศไม่พอหายใจ แล้วก็ถูกส่งกลับไปนอนที่เตียงเดิม พร้อมกับได้รับคำสั่งห้ามกินหรือดื่มอะไรทั้งสิ้น และให้นอนแต่อยู่บนเตียงอย่างน้อยสองชั่วโมง

คณะแพทย์มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ใช้การรักษาโดยการฉายรังสีก่อนในขั้นแรก เพื่อพยายามที่จะรักษาเสียงของผมเอาไว้ เพราเป็นสิ่งที่สำคัญต่ออาชีพ คืองานหาประกันชีวิตของผม โดยมีความหวังว่าอาจจะรักษามะเร็งได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็ไม่ได้ผล ดังนั้นต่อมาในเดือนสิงหาคม ปี 2507 นั่นเอง คณะแพทย์ก็ได้แจ้งให้ผมทราบว่า ผมจะต้องได้รับการรักษาโดยการผ่าตัด
ในคืนก่อนการผ่าตัด ผมทราบดีว่าผมคงไม่มีโอกาสที่จะพูดได้อีกต่อไปแล้ว ผมจึงได้พยายามที่จะบอกเอลีนได้ทราบว่า ผมรักเธอและลูกมากแค่ไหน ซึ่งเธอก็ได้พยายามระงับความรู้สึกได้อย่างกล้าหาญเหลือเกิน ตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ระหว่างทางที่ถูกพาตัวไปยังห้องผ่าตัด ผมได้พยายามสวดมนต์และทบทวนชื่อ “เยซู” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งดูเหมือนว่านั่นเป็นคำพูดครั้งสุดท้ายของผม
สิบเอ็ดชั่วโมงหลังจากนั้น ผมได้ถูกพากลับมาที่ห้องของผมอีกครั้งหนึ่ง ยกเว้นหนึ่งชั่วโมงในห้องพักฟื้น เวลาทั้งหมดนอกจากนั้นผมต้องนอนอยู่บนโต๊ะผ่าตัด

ในวันรุ่งขึ้นผมจึงได้ทราบว่าศัลยแพทย์ได้ผ่าตัดเอา หลอดคอ กล่องเสียง หลอดอาหาร และชิ้นเนื้อบริเวณใกล้เคียงกันอีกสองสามชิ้นของผมออกไป และบัดนี้ ผมก็ได้กลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งในบรรดา “ศัลยกรรมคนประหลาด” ทั้งหลาย ที่เคยทำให้ตัวผมเองต้องช็อคมาแล้วเมื่อสองสามเดือนก่อน และตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผมจะต้องหายใจทางใต้ลำคอ หรือที่เรียกกันว่าสโตมา
ทันทีที่ผมได้เห็นว่า ลำคอของผมทำให้ผมดูน่าเกลียดแค่ไหน ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับถูกตัดขาดจากมนุษยชาติเป็นมนุษย์แต่เพียงชื่อเท่านั้น มันเป็นห้วงเวลาที่แสนจะว้าเหว่และยากแสนยากในการปรับตัว เพื่อ ที่จะยอมรับสภาพที่แท้จริงของตัวเองได้ การผ่าตัดตบแต่งด้านหน้าของลำคอของผม จะต้องค่อยๆ ทำต่อไปอีกถึงแปดขั้นตอนด้วยกันตามลำดับ เครื่องรับโทรทัศน์ช่วยได้มากที่สุดในการฆ่าเวลา พวกเราทุกคนใน “เจ็ด-ตะวันออก” รวมทั้งผมด้วย ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่า เคยคล้อยตามและเห็นดีเห็นงามกับบริษัทโฆษณาบุหรี่เหล่านนั้นอย่างงมงาย แต่แล้ว ภายหลังทีได้สูบบุหรี่ไปแล้วคนละกว่า 19,000 ซอง ผมและพวกเราทุกคนต้องถูกเปลี่ยนแปลง แตกต่างไปจากหญิงสาวสวย และชายหนุ่มร่างสมาร์ทที่ได้เห็นอยู่ในโฆษณาเหล่านั้นราวฟ้ากับดิน

ความจริง คนหนุ่มคนสาวสมัยนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคารพในความเป็นจริง ดังนั้น มันคงจะเรียกร้องความสนใจได้มากทีเดียว ถ้าหากเอเย่นต์ของบริษัทโฆษณาบุหรี่ จะได้แสดงให้เห็นภาพของคนไข้คนหนึ่งที่ถูกชำแหละเอาคอหอยออกไป เพราะโรคมะเร็งซึ่งเกิดจากการสูบบุหรี่ หรืออาจจะเลือกเอาภาพของคนไข้ที่กำลังได้รับการปลูก “เนื้อ” มาแสดงให้ผู้ชมเห็นสักคนก็ยังได้ หรืออาจจะค่อย ๆ แพนกล้องจับภาพไปรอบห้องอย่างช้า ๆ ให้เห็นพวกเราแต่ละคนในสภาพที่ยังมีปากคออยู่ครบถ้วน สำหรับจะเสียบบุหรี่เข้าไป และต่อจากนั้นก็ตัดภาพให้เห็นคนไข้ ที่ติดบุหรี่อย่างร้ายแรงที่สุดที่ผมเคยพบมา คือถึงกับต้องเอาบุหรี่เสียบลงในช่องที่เจาะไว้ตรงกลางหลอดคอ สูดเอาควันผ่านหลอดลมเข้าไปในปอดทั้งสองข้างพวกเราที่ “เจ็ด-ตะวันออก” ไม่มีใครหรอกที่จะได้ควบม้ารูปร่างปราดเปรียว หรือขับเรือยอชท์สวย ๆ หรือนั่งบนรถยนต์สปอร์ต เรานั่งกันแต่ในรถเข็น เดินทางไปสู่ห้องผ่าตัด และหากโชคดี เราก็จะมีโอกาสกลับออกมา

เจ็ด-ตะวันออก” เป็นเพียงมุมหนึ่งของเมืองมะเร็งเท่านั้น สำหรับโรคปอด เขารักษากันที่ชั้นสาม ซึ่งผมต้องขอขอบคุณพระเจ้าที่ไม่มีโอกาสได้ไปอยู่ที่นั่น

 

ข้อมูลสื่อ

13-013
นิตยสารหมอชาวบ้าน 13
พฤษภาคม 2523
อื่น ๆ
พิชัย บุญญฤทธิ์