• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

* เหตุปัจจโย *

..น้อยเป็นสาว  office มาหาหมอด้วยอาการอ่อนเพลีย  หายใจไม่อิ่ม  นอนหลับไม่สนิท บางเวลาก็มีอาการปวดศรีษะ  ปวดตามต้นคอ  ต้นแขน เธอเป็นอย่างนี้แบบเป็นๆหายๆมานานกว่าครึ่งปี หมอให้ยาคลายเครียด  ยาแก้ปวดและรักษาตามอาการมาตลอด  ก็ดีขึ้นบ้าง ไม่ดีขึ้นบ้าง..

 

..เล็กเป็นพนักงานบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์  เขาต้องทำงานนอกเวลาเป็นประจำ  บางครั้งกลับบ้านดึกมาก เป็นอย่างนี้มาหลายปี  เล็กมาพบแพทย์ด้วยอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณลิ้นปี่  เคยซื้อยารักษาโรคกระเพาะอาหารและยารักษากรดไหลย้อนมากินก็ทุเลาอยู่พักหนึ่ง  แล้วก็กลับมาเป็นใหม่อีก..

 

       แพทย์วินิจฉัยว่า  น้อยเป็นโรค Office Syndrome ซึ่งเป็นอาการของคนที่นั่งติดโต๊ะ  ติดหน้าจอการทำงานมากเกินไป  ส่วนเล็กถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะอาหาร เนื่องจากความเครียดเรื้อรังสมบุกสมบันกับการทำงานมากเกินไป  แต่จริงๆแล้วทั้งสองรายมีมูลเหตูต้นต่อของการเจ็บป่วยที่คล้ายคลึงกัน คือ การใช้ชีวิตเนือยนิ่งมากเกินไป  ขาดการเคลื่อนไหวร่างกายเท่าที่ควร

 

       มีตัวเลขที่น่าเป็นห่วงจาการศึกษาในหลายประเทศพบว่า ๑ ใน ๓ ของผู้ใหญ่เกือบทั่วโลก และ ๔ ใน ๕ (หรือ ๘๐ %) ของเด็กวัยรุ่นมีการเคลื่อนไหวร่างกาย  น้อยกว่าเกณฑ์ที่ควรจะเป็นองค์กรอนามัยโลก สภาวะที่ เรียกว่า ความผิดปกติเนื่องจากขาดการออกกำลังกาย (Excise deficit disorders   หรือ EDD) กำลังกายเป็นปัญหาใหญ่ของมนุษย์ในยุคโลกาภิวัตร ที่พึ่งพิงเทคโนโลยีและบูชาความเร็วอย่างยิ่ง

 

        เหตุปัจจโย  เป็นคำบาลีแปลว่า “ เหตุเป็นปัจจัย” คือมีเหตุเป็นตัวกำหนดความเป็นไป พยาธิสภาพต่างๆที่เกิดขึ้น  แล้วนำไปสู่อาการเจ็บป่วยในรูปแบบต่างๆนั้น ล้วนแล้วมีเหตุปัจจัยเป็นตัวชี้นำทั้งสิ้น

 

        ทุกวันนี้ทั้งหมอและคนไข้มักจะหวังพึ่งพาอาศัย “ยา” เพื่อช่วยบรรเทาอาการ  หรือเยียวยาความเจ็บป่วยต่างๆแต่ตราบใดที่คนไทยจำนวนมากยังมี “พฤติกรรมสุขภาพ” ที่ไม่เหมาะสมนับตั้งแต่พฤติกรรมการกิน   (หวาน  มัน เค็ม กินมากเกิน)  พฤติกรรมการเคลื่อนไหวร่างกาย (น้อยเกินไป) การสูบบุหรี่และดื่มสุราจนเกินขอบเขต  การใช้ชีวิตเร่งรีบ  ความเครียดสะสมเรื้อรัง  ปัญหาความเจ็บป่วยทางกายจะได้แต่ถูกข่ม  หรือกดซ่อนเอาไว้  แล้วก็เป็นๆหายๆอยู่ตลอด

 

          มีนักพฤติกรรมบำบัดให้ข้อสังเกตว่า  ในทางสติปัญญาคนส่วนใหญ่ตระหนักรู้ว่า  อะไรดี อะไรไม่ดี  อะไรควรทำ  และอะไรไม่ควรทำ แต่ปัญหาคือไม่สามารถบังคับตัวเองได้  เหมือนดังคำพูดภาษาไทยโบราณที่ว่า “ ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด”

 

          มีการวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกา  เมื่อเร็วๆนี้ พบว่ามีการเฝ้าสังเกตคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้เครื่องอุปกรณ์ที่สวมใส่ติดตัว เช่น  เหน็บเอว  ใส่ข้อมือ  ใส่ต้นแขน  (Wearable  Eadget) เพื่อการติดตามดูการเคลื่อนไหวของร่างกาย  (Activity Tracker) ว่าได้มีส่วนส่งผลต่อสุขภาพ (น้ำหนัก  ความดันโลหิต) ของเจ้าของหรือไม่  พบว่าอุปกรณ์เหล่านี้อาจมีส่วนช่วยทำให้ผู้สวมใส่ กระตือรือร้น ใส่ใจในการดูแลสุขภาพ  ในช่วง ๑-๒ เดือนแรก  แต่พอเวลาผ่านไป ๑ ปี มีคนเพียง ๑๐%  เท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากเครื่องอุปกรณ์เหล่านี้อย่างแท้จริง  สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “ การปรับเปลี่ยน พฤติกรรมและการกระทำอย่างต่อเนื่อง”

 

          “ เหตุปัจจโย ”  จึงเป็นเรื่องที่ทั้งหมอและผู้ป่วยต้องใส่ใจและให้ความสำคัญอยู่เสมอ.......

ข้อมูลสื่อ

456-01
นิตยสารหมอชาวบ้าน 456
เมษายน 2560