• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

พุทราปลอดภัย

                ซื้อฝากได้ แต่ซื้อกินไม่ได้ นี่คือคำพูดที่คนเมืองน้ำดำ กาฬสินธุ์ กล่าวขวัญถึงเมื่อราว ๓-๔ ปีก่อน ถึงผลไม้ชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกกันมากในเขตอำเภอคำม่วง  พื้นที่ติดเทือกเขาภูพาน  อำเภอนี้เป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงมากในการทอผ้าแพรวา  ผลไม้ชนิดที่ว่านี้คือพุทรา  เหตุที่มีคำล้อเลียนดังกล่าว  เพราะมีการใช้ยาฆ่าแมลงจำนวนมากในสวนพุทรานั่นเอง

                ....พุทรา เป็นผลไม้ที่คนไทยเรานิยมบริโภคกันมาเนินนาน  เดิมในประเทศไทยเราจะมีแต่พุทราพื้นเมืองลูกเล็ก  บางพันธ์ก็มีหนามแยะและมักขึ้นอยู่ตามหัวไร่ปลายนาทั่วๆไป  ต่อมาได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ โดยเฉพาะผสมพันธุ์กับพันธุ์จากต่างประเทศ จนได้เป็นพุทราลูกโต สวย อวบแบบที่เห็นอยู่ทุกวันนี้  พันธุ์ที่นิยมปลูกกันอยู่ในขณะนี้ คือพันธุ์นมสด  พันธุ์สามรส และพันธุ์จัมโบ้

                แหล่งปลูกพุทราในประเทศไทยนั้นมีกระจายอยู่ทั่วไป  แต่ที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญๆนั้นมาจากอำเภอวังน้ำเขียว (นครราชสีมา), สุพรรณบุรี, เชียงใหม่, เชียงราย, แพร่ แหล่งปลูกที่ใหญ่ที่สุดในภาคอิสานขณะนี้อยู่ที่อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์  มีเนื้อที่เพาะปลูกรวมกันทั้งอำเภอมีถึง ๑,๓๐๐ ไร่

                พุทรา หรือที่ชาวบ้านภาคอิสานเรียกว่า หมากทันนั้น  มีศัตรูพืชที่สำคัญคือ แมลงวันทอง  ทำให้ต้องมีการใช้สารเคมี และยาฆ่าแมลงพ่นเป็นระยะๆ  ก่อนปี ๒๕๕๗ มีการตรวจเลือดเกษตรกร ที่ทำอาชีพปลูกพุทรา  พบว่ามีถึง ๕๗% ที่พบสารเคมียาฆ่าแมลงอยู่ในเกณฑ์ไม่ปลอดภัย  บางรายได้รับสารพิษเหล่านี้เข้าไปมากจนเกิดอาการแน่นหน้าอก  หายใจไม่อิ่ม

                ก่อนหน้านั้นคือ ในปี ๒๕๕๓ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้พยายามส่งเสริมให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมี และหันมาปลูกพุทรากางมุ้ง  แต่ชาวบ้านก็ยังให้ความร่วมมืออยู่ไม่กี่ราย และต้นทุนสูง  โดยเฉลี่ยพุทรา ๑ ไร่จะได้ผลผลิตประมาณ ๔ ตัน/ปี  ทำรายได้ถึงไร่ละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท/ปี

                ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ มีแมลงวันทองระบาดทำให้พุทราของชาวบ้านเสียหายมาก  ขนาดใช้สารเคมียาฆ่าแมลงพ่นก็เอาไม่อยู่  มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่ทำพุทรากางมุ้งอยู่ เป็นกลุ่มที่ได้รับความเสียหายน้อยที่สุด

                ต่อมาชาวบ้านได้ทำเรื่องขอรับการสนับสนุนจากทางจังหวัด  ขอให้ช่วยสนับสนุนทุนเพื่อจัดหามุ้งตาข่ายมาใช้ในการทำสวนพุทรา (เพราะต้นทุนต่อไร่สูงถึง ๔๐,๐๐๐ – ๕๐,๐๐๐ บาท) อยู่หลายปี  เพิ่งจะได้รับการสนับสนุนในช่วง ๒-๓ ปีที่ผ่านมา  แต่ก็ไม่พอเพียงต่อความต้องการของเกษตรกรในขณะนี้

                เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ได้ถ่ายทอดแนวคิดเรื่องเกษตรอินทรีย์  การแพทย์วิถีธรรม  และระบบสุขภาพชุมชนแก่ผู้นำท้องถิ่น และกลุ่มเกษตรกรซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี  จนในขณะนี้เกษตรกรประมาณ ๑๓๐ รายในเนื้อที่ ๔๐๐ กว่าไร่ในพื้นที่  ได้หันมาทำพุทรากางมุ้ง  ผลการตรวจพุทราจากแผงข้างถนน ๒๖ ราย  พบว่ามีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคมากขึ้น (จากเดิมมีถึง ๙๐% ที่ตรวจพบสารเคมีตกค้างเกินค่ามาตรฐาน)

                ในส่วนราคาจำหน่ายพุทรา  โดยพุทราทั่วไปที่ใช้สารเคมี จะจำหน่ายราคากิโลกรัมละประมาณ ๔๐ - ๖๐บาท  หากเป็นพุทรากางมุ้งสามารถจำหน่ายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ ๘๐-๙๐ บาท  ความปลอดภัยเป็นมูลค่าคือสิ่งที่เกษตรกรเริ่มตระหนักและเรียนรู้

                “แรลลี่มุดมุ้ง บายนม” (ล้อเลียนพุทราพันธุ์นมสด) จะเป็นคำโฆษณาที่อำเภอคำม่วงจะใช้ในการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอในช่วงเดือนธันวาคม – มกราคม ที่จะถึงนี้  ซึ่งเป็นฤดูที่จะมีพุทราออกมาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก  โดยเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร  เน้นการใช้เทคโนโลยีชีวภาพ  การดูแลสุขภาพวิถีธรรม  ผนวกกับการส่งเสริมสินค้าOTOPชุมชนอีกอย่างของ อ.คำม่วง คือผ้าแพรวา

                ในส่วนของจังหวัดกาฬสินธุ์  ได้ริเริ่มพัฒนาสินค้ารับรองภายใต้ตรา KS (Kalasin food safety) เพื่อเพิ่มความมั่นใจกับผู้บริโภค  โดยในขณะนี้มีผู้ผลิตพุทรากางมุ้งหลายรายแล้วที่ได้รับการรับรองสินค้า KS จนขณะนี้เริ่มมีห้างสรรพสินค้าดังในกรุงเทพเข้ามาติดต่อนำพุทราปลอดภัย KS ดังกล่าวขึ้นไปวางบนชั้นจำหน่ายแล้ว

                อย่างไรก็ดี  ยังมีคำถามจากผู้บริโภคหลายรายว่า  ทำอย่างไรจะแยกแยะพุทราสะอาดปลอดภัย  ออกจากพุทราที่พ่นยาได้  ฝากข้อคิดนี้ไปถึงทุกท่านที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ  ครั้งต่อไปก่อนซื้อพุทราลองถามที่มาของแหล่งปลูกก็จะดีครับ

ข้อมูลสื่อ

453-01
นิตยสารหมอชาวบ้าน 453
มกราคม 2560
นพ.วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ