…พระอาจารย์พรหม เป็นพระฝรั่งชาวอังกฤษมาบวชอยู่เมืองไทยหลายปีแล้ว ท่านมาปฏิบัติธรรมบำเพ็ญกิจของสงฆ์อยู่กับวัดเครือหนองป่าพง แห่งเมืองอุบลราชธานี วันหนึ่งเกิดอาพาธป่วยเป็นไข้รากสาด (Typhoid) อาการของท่านค่อนข้างรุนแรง จึงต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นอาทิตย์ ท่านเล่าว่าวันหนึ่งขณะกำลังรู้สึกอ่อนเพลีย ทุกข์ทรมาน และรู้สึกท้อแท้ รำพึงรำพันว่าจะหายกลับวัดได้เมื่อไรหนอ หลวงปู่ชาก็ได้มาที่ตึกสงฆ์เพื่อเยี่ยมไข้ ท่านรู้สึกปลื้มและดีใจมาก ลุกขึ้นนั่งและพนมมือไหว้หลวงปู่ชา หลวงปู่ชาพูดคุยกับหมออยู่พักหนึ่งก็เดินมาที่หัวเตียง เอามือจับไหล่ท่าน ยิ้มปลอบใจ แล้วก็พูดว่า “ป่วยไข้...ถ้าไม่หายก็ตาย” ว่าแล้วท่านก็กลับไป
...พระอาจารย์พรหมฟังทีแรกก็งง ต่อมาความอิ่มอกอิ่มใจของท่านก็แตกกระเจิง ความปิติยินดีที่ท่านมาเยี่ยมอันตรธานไปสิ้น ทำไมหลวงปู่มาแช่งให้เราตาย ไม่ให้กำลังใจกันเลย ต่อมาภายหลังจึงได้รู้ว่าท่านพูดอย่างนี้กับพระอาพาธมาหลายองค์แล้ว...นี่เป็นวิธีสอนธรรมอย่างหนึ่งของหลวงปู่ ให้เรียนรู้จากการเจ็บป่วย การเจ็บป่วยเป็นสัจจะที่สอนธรรมได้หลายหมวดหลายข้ออย่างลึกซึ้ง...
...พอได้คิดอย่างนี้ พระอาจารย์พรหมก็ยิ้มออก...หลวงปู่ชาช่างเป็นครูที่ล้ำเลิศนัก...
การไปเยี่ยมไข้นั้นเราทำกันจนเคยชิน ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือใครก็ตามที่เรารู้จัก บางทีเรามักคิดว่าก็ไปให้กำลังใจเขา ซื้อของฝากเช่น ผลไม้ นม เครื่องดื่มบำรุงกำลังไปให้ และชวนเขาพูดจาคลายเครียดคลายเหงา แต่จริงๆแล้วการไปเยี่ยมไข้ หากไปด้วยใจที่ “เข้าใจในธรรม” แล้วก็จะเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
สามเณรีชาวออสเตรเลียนผู้หนึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งในบ้านพักผู้ป่วย (Hospice) ติดป้ายหน้าห้องพักว่า “ห้ามเยี่ยม” เมื่อพระอาจารย์พรหมไปเยี่ยมท่านพิจารณาป้ายนั้นโดยใกล้ชิด เห็นมีคำเขียนตัวเล็กๆอยู่ข้างใต้ “ยกเว้นอาจารย์พรหม” เมื่อเข้าไปเยี่ยมเธอแล้ว พระอาจารย์ถามเธอว่าทำไมติดป้ายแบบนั้น เธออธิบายว่า เพื่อนๆและญาติๆของเธอทุกคน เวลามาเยี่ยม เขาจะเศร้าและเป็นทุกข์มากที่เห็นเธอกำลังจะตาย ซึ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ยิ่งขึ้น เธอบอกว่า “มันก็แย่อยู่แล้วที่จะต้องตายด้วยโรคมะเร็ง แล้วยังจะต้องมารับอารมณ์ของคนมาเยี่ยมอีก เป็นอะไรที่รับไม่ไหว”
การไปเยี่ยมผู้ป่วยโรคอะไรก็แล้วแต่ ควรปฏิบัติต่อเขาเหมือนเช่นคนธรรมดา ยิ้มแย้ม พระอาจารย์พรหมยังไปเล่าเรื่องตลกให้สามเณรีฟัง ทำให้เธอได้หัวเราะ ผ่อนคลายสบายใจ พระอาจารย์พรหมได้บทเรียนในการไปเยี่ยมไข้ครั้งนั้นว่า เมื่อเราไปเยี่ยมคนป่วยในโรงพยาบาล ให้พูดกับตัวคน และปล่อยให้หมอ พยาบาลพูดกับตัวโรคไป....
ปัญหาอีกอย่าง เวลาไปเยี่ยมไข้ในโรงพยาบาล คือ การฝึกเป็นผู้ฟังที่ดี พยายามให้ผู้ป่วยได้พูด ได้สื่อสาร และตั้งอกตั้งใจฟัง หลายคนที่ไปเยี่ยมไข้มักจะพูดโน่นนี่ แนะนำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ลืมที่จะคิดว่า “ผู้ป่วยรู้สึกอย่างไร” ดังนั้นจงเป็นนักฟังที่ดีเมื่อไปเยี่ยมไข้
ท่านอาจารย์พรหมวง.โส เกิดที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ บวชเป็นพระในพระพุทธศาสนา ตั้งแต่อายุ 23 ปี ณ วัดสระเกศวรมหาวิหาร หลังจากนั้น ท่านได้ไปสู่สำนักหลวงปู่ชา สุภัทโท มอบตัวเป็นศิษย์ ศึกษาธรรมะ ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าโพธิญาณ เมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย และเป็นประธานทางจิตวิญญานของพุทธสมาคมแห่งออสเตรเลียตะวันตก
ท่านเขียนหนังสือเล่มหนึ่งที่น่าอ่านมากชื่อ ชวนม่วนชื่น เป็นหนังสือแนวธรรมะบันเทิงหลายเรื่องเล่า โดยคุณชัย ราชวัตร กรุณาช่วยออกแบบปกหนังสือให้ เป็นหนังสือธรรมะที่น่าอ่านมาก เพราะอ่านเบาๆ สนุกๆ เปี่ยมอารมณ์ขัน มีเรื่องเล่าอุปมาอุปมัย ตลอดเล่ม ถือเป็นหนังสือที่ดีมีคุณค่าอย่างยิ่งอีกเล่มหนึ่งที่ผมขอแนะนำ
- อ่าน 3,578 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้