เก้าอี้ เลือกปรับอย่างไร
เก้าอี้เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ในการนั่งทำงาน การเลือกและการปรับเก้าอี้ให้เหมาะสมกับงานและร่างกายของผู้ที่ใช้ เป็นสิ่งที่จำเป็น มิเช่นนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น อาการชาที่ขา ปวดหลัง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบ่า ตลอดจนประสิทธิภาพของการทำงานลดลง หรืออาจทำให้เกิดอุบัติเหตุในขณะทำงาน
เก้าอี้กับปัญหาปวด
เก้าอี้กับอาการปวดล้า ชา เมื่อยน่อง บริเวณด้านหลังเข่า มีหลอดเลือดแดงใหญ่และเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงขาและเท้า หลอดเลือดและเส้นประสาทเหล่านี้มีความสำคัญมาก หากถูกกดทับอาจทำให้เกิดอาการชา เมื่อยล้า กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ ดังนั้นร่างกายจึงทำการปกป้องโดยให้หลอดเลือด และเส้นประสาทเหล่านี้อยู่ใต้ต่อกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่อ่อนนิ่ม อย่างไรก็ตาม ถ้านั่งเก้าอี้ที่สูงเกินไปจนขาห้อยลอย น้ำหนักจะไม่ตกถึงพื้นแต่ไปตกอยู่ที่เบาะนั่งส่วนหน้า หรือถ้าเก้าอี้นั้นมีส่วนหน้าของเบาะนั่งที่สูงกว่าส่วนหลัง และทำจากวัสดุที่แข็ง ก็สามารถกดทับต่อเนื้อเยื่อใต้เข่าเหล่านั้น ซึ่งมีผลทำให้เส้นประสาทหรือหลอดเลือดนั้นได้รับการกระทบกระเทือนไปด้วย
เก้าอี้กับอาการปวดหลัง
อาการปวดหลังที่เกิดจากการนั่งมีหลายสาเหตุ เช่น การนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง หรือการออกแบบเก้าอี้ โต๊ะ และการเลือกหรือปรับใช้ไม่เหมาะสม มีการศึกษาวิจัยกันมากในเรื่องแบบของเก้าอี้
เพื่อลดผลของอาการปวดหลัง เช่น เก้าอี้นั้นเมื่อนั่งแล้ว การทำงานของ กล้ามเนื้อต้องลดลงและประเด็นที่สำคัญ คือแรงกดที่เกิดขึ้นที่หมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งแรงกดนี้เกิดจากน้ำหนักตัว และท่าทางของแต่ละคน โดยแรงกดส่งผลถึงการล้าและการปลิ้นของหมอนรองกระดูกได้ และอาจส่งผลรุนแรงถ้าการปลิ้นนั้นมีการกดทับเส้นประสาทหลัง จากการวิจัยโดยใช้เข็มขนาดเล็กแทงเข้าไปในหมอนรองกระดูก และที่ปลายเข็มสามารถวัดแรงกดได้ พบแรงกด ท่านอนจะมีแรงกดที่หมอนรองกระดูกสันหลังน้อยกว่าายืนตรง และท่ายืนตรงมีแรงกดน้อยกว่าท่านั่งตรง ท่านั่งจะมีแรงกดน้อยกว่าท่านั่งหลังโค้งๆ และท่านั่งที่มี การบิดตัว ขณะเดียวกันพบว่าเก้าอี้ที่มีพนักพิงสามารถช่วยลดแรงกดต่อหมอนรองกระดูกในท่านั่งได้ ดังนั้น ถ้าเก้าอี้มีพนักให้พิงก็ควรใช้พนักพิงให้เกิดประโยชน์
เก้าอี้กับการปวดของกล้ามเนื้อบ่า
ขณะนั่งทำงานกล้ามเนื้อบ่าทั้ง 2 ข้างจะมีการเกร็งตัวขึ้นเพื่อพยุงและยึดแขนไว้ เป็นที่สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อพิมพ์งานกับคอมพิวเตอร์สักระยะหนึ่งไม่นานนัก บ่าทั้ง 2 ข้างก็จะเริ่มยกขึ้น ยิ่งเร่งรีบ เครียดๆ การยกบ่าก็จะเริ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันถ้าโต๊ะทำงานสูง เกินไปผู้ใช้ก็ต้องยกบ่าขึ้นเช่นกัน ถ้าปล่อยให้กล้ามเนื้อทำงานเกร็งไว้บ่อยๆ จะมีการสะสมของของเสียซึ่งเกิดจากการที่กล้ามเนื้อทำงาน โดยการเผาผลาญพลังงานที่ได้มาจากเลือด จึงเกิดของเสียขึ้น และถ้ากล้ามเนื้อมีการเกร็งตัว ทำให้เลือดไหลเข้าไปเพื่อนำพาอาหารเข้าไปเลี้ยง หรือนำเอาของเสียออกจากบริเวณกล้ามเนื้อนั้นยากขึ้น จึงเกิดอาการกล้ามเนื้อล้าและอักเสบ ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย ตึง ในรายที่อาการมีการพัฒนามากขึ้นก็จะส่งผลต่อการทำงานได้ ดังนั้น เก้าอี้ควรมีที่พักแขนเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อบ่า
เก้าอี้กับลักษณะงาน
ในการเลือกเก้าอี้ให้พิจารณาที่ลักษณะของงานเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นให้พิจารณาลักษณะของ แต่ละบุคคลและจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพิจารณาร่วมกับความเหมาะสม กับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น โต๊ะ แป้นพิมพ์จอคอมพิวเตอร์ ที่วางพักเท้า ลักษณะของงานสามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ คือ งานกึ่งนั่งกึ่งยืน
และงานนั่งโต๊ะ งานกึ่งนั่งกึ่งยืนในความหมายคืองานที่ผู้ทำงาน ต้องนั่งและยืนบ่อย การลุกยืนเพื่อยกของหรือใช้แรงในการตอกชิ้นงานหรือการประกอบชิ้นงาน ซึ่งพบได้บ่อยในโรงงานอุตสาหกรรม
งานแคชเชียร์ ซึ่งเก้าอี้ควรมีลักษณะและการปรับดังนี้
1.เบาะนั่งควรเอียงมาด้านหน้าเพื่อกันการลดการ กดของขอบหน้าของเบาะกับด้านหลังของสะโพก และส่งเสริมให้ลุกขึ้นลงได้ง่าย
2.ระดับความสูง ขึ้นอยู่กับความสูงของผู้ใช้ความ สูงของโต๊ะ และชนิดของงาน โดยถ้าเป็นงานหยาบ ความสูงของโต๊ะจะประมาณระดับของข้อศอกหรือต่ำกว่าเล็กน้อย และถ้าเป็นงานละเอียด จะมีความจำเป็นของการใช้สายตากับงานมาก ความสูงของโต๊ะควรสูงมากขึ้นกว่าระดับข้อศอกเพื่อให้งานใกล้สายตามากขึ้น ดังนั้นความสูงของเก้าอี้ควรสูงพอที่ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานกับโต๊ะและชนิดของงานได้สะดวก
3.ความลึกของเบาะที่นั่งไม่จำเป็นต้องลึกมาก เพื่อทำให้ผู้ใช้สามารถลุกขึ้นยืนหรือลงนั่งได้สะดวกลักษณะงานนั่งโต๊ะ งานคอมพิวเตอร์ หรืองานเขียน งานในลักษณะนี้ผู้ใช้จะใช้เวลาส่วนมากกับการนั่ง
ซึ่งจากงานวิจัย เป็นที่ทราบกันว่า แรงดันในหมอนรองกระดูกสันหลังขณะนั่งจะสูงกว่าขณะยืน ดังนั้น การนั่งนานๆ ในท่าทางหรือบนเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสม อาจมีผลต่อการปวดหลังสืบเนื่องจากหมอนรองกระดูกสันหลัง หรือกล้ามเนื้อหลังที่ทำงานหรือถูกยืดเป็นระยะเวลานาน ดังนั้น เก้าอี้ที่ดีควรมีลักษณะและการปรับดังนี้
1.ปรับระดับความสูงได้ ในขณะนั่งเบาะนั่งจะอยู่ ที่ระดับข้อพับเข่า โดยเมื่อนั่งเท้าจะวางราบกับพื้น และเบาะนั่งจะไม่กดต่อหลังเข่า
2.หากโต๊ะที่นั่งสูง สามารถปรับให้เก้าอี้สูงตามได้ แต่ต้องหาที่พักหรือที่รองเท้าเพื่อยกระดับเท้าให้สูงขึ้น
3.เบาะนั่งอาจปรับให้เอียงไปด้านหน้าได้เล็กน้อย เนื่องจากเบาะที่เอียงไปทางด้านหน้าส่งเสริมให้หลังส่วนล่าง มีความโค้งเว้าคล้ายกับหลังที่อยู่ในท่ายืนและลดแรงกด ของหมอนรองกระดูกสันหลัง หากเบาะนั่งสามารถเอียง ไปด้านหลังได้ถ้ามีที่วางเท้าที่สูงขึ้น เพื่อกันการกดทับบริเวณใต้เข่า แต่เบาะนั่งที่เอียงไปด้านหลังจะส่งเสริมให้ มีการพิงพนักพิง ซึ่งมีผลต่อแรงกดหมอนรองกระดูกสันหลังเช่นกัน ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนขอแนะนำว่าผู้ใช้หลายๆ คนที่นั่งเอาจริงเอาจังกับการทำงานอาจละเลยการนั่งพิง ก็ขอให้ปรับเบาะเอียงมาด้านหน้าไว้ก่อนแต่อาจไม่ชินเนื่องจากน้ำหนักจะตกลงที่เท้ามากขึ้น
4.เบาะนั่งควรมีขนาดใหญ่โดยที่เมื่อนั่งเต็มก้นแล้วหลังพิงกับพนักพิงพอดี และเข่าสามารถงอได้และขยับขาไปมาได้อย่างสะดวก
5.เก้าอี้ควรมีที่พักแขนที่มีความสูงอยู่ที่ตำแหน่งที่ เมื่อนั่งแบบสบายๆ ศอกของผู้ใช้จะไม่ถูกดันจนไหล่ต้องยก และเมื่อนั่งแบบตัวตรงศอกก็ไม่ลอยขึ้นและศอกยังมีการพยุงจากที่พักแขนอยู่
6.เก้าอี้ควรมีพนักพิง จากระดับหลังส่วนล่างถึงส่วนบน โดยที่หลังส่วนล่างไม่ควรมีส่วนโค้งนูนมากจนดันหลังของผู้ใช้ หรือที่ผู้ใช้บางท่านเอาหมอนใส่เพิ่มขึ้นจนทำให้เวลาพิงมีแรงกดเกิดขึ้นที่หลังส่วนล่างอย่างเดียว หากจำเป็นที่ต้องใส่หมอนเพิ่มด้านหลังเนื่องจากเบาะนั่ง มีขนาดใหญ่และลึก ก็ให้ใส่โดยที่เมื่อนั่งพิงแล้วมีแรงกดที่หลังสม่ำเสมอไม่กดที่ใดที่หนึ่งมากเกินไป
7.หากเก้าอี้นั้นสามารถปรับความสูงของเก้าอี้ เบาะนั่ง ที่พักแขนและพนักพิง ตลอดจนการเอียงตัวของ
เบาะนั่งและพนักพิง ก็ถือได้ว่าเก้าอี้นั้นมีความสามารถในการปรับได้มากเพียงพอกับการใช้งาน
อย่างไรก็ตามการปรับได้มากอาจมีผลต่อความ มั่นคงของเก้าอี้เมื่อนั่งใช้งาน
8.เพื่อความมั่นคงเก้าอี้ ไม่ควรมีล้อเลื่อน หากจำเป็นล้อเลื่อนควรมีประมาณ 5 ล้อ หากน้อยกว่าอาจ ทำให้เก้าอี้ล้มได้ง่าย หวังว่าท่านผู้อ่านทุกท่านได้ลองนำเอาข้อแนะนำนี้ไปทดลองใช้ร่วมกับการปรับจอคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้กล่าวไปบ้างแล้ว และคิดว่าท่านคงได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย
- อ่าน 12,871 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้