• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ปู่เป็นอัมพาต ๑๒ ปี

ปู่เป็นอัมพาต ๑๒ ปี


ปู่ของฉันเสียชีวิตผ่านมาได้ ๓ ปีแล้ว (ปี ๒๕๔๒) ด้วยโรคหลอดเลือดในสมองแตก ฉันจึงอยากเล่าประสบการณ์ที่ฉันได้สัมผัสเมื่อปู่ยังมีชีวิตอยู่ตอนที่พ่อของฉันเสียชีวิตด้วยโรคเบาหวาน ฉันอายุประมาณ ๑๒ ปี หลังจากนั้น ๑ ปีต่อมา ปู่ก็ได้เกิดหลอดเลือดในสมองด้านขวาแตกทำให้เป็นอัมพาตของแขนและขาซีกซ้าย ปกติปู่ป่วยเป็นโรคความดันเลือดสูงอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ไม่เอาใจใส่กับการกินยามากนัก และยังดื่มเหล้าเป็นประจำ วันหนึ่งเมื่อปู่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำธุระนอกบ้าน ปู่บอกว่า รู้สึกปวดหัวแล้วก็วูบไปเฉยๆ ยังโชคดีที่ปู่ขี่รถไม่เร็วมาก รถเพียงแต่ล้มลงแล้วปู่ก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นถนน ไม่มีบาดแผลใดๆ ตอนนั้นปู่ได้รับการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ เพื่อหยุดเลือดที่ออกในสมองจากหลอดเลือดที่แตกอยู่ แพทย์ผ่าตัดห้ามเลือดได้สำเร็จ แต่ปู่ก็กลายเป็นอัมพาตในทันที พร้อมกับร่องรอยการผ่าตัด คือ กะโหลกศีรษะด้านขวายุบไปเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๕ เซนติเมตร

ปู่กลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน แพทย์ได้แนะนำการทำกายภาพบำบัดเพื่อที่ว่าแขนและขาอาจฟื้นฟูสภาพกลับมาได้บ้าง ซึ่งอาจถึงขั้นเดินได้อีกครั้ง พวกเราได้ทำราวสำหรับหัดเดินไว้ภายในบ้านเพื่อให้ปู่ได้ใช้หัดเดิน แรกๆปู่ก็ขยันที่จะเดินทุกเช้า-เย็น แต่เมื่อเวลาผ่านไปปู่เกิดอาการท้อใจ เพราะว่าแขนและขาซ้ายไม่มีแรงแม้แต่จะยก ญาติๆ จึงใช้วิธีให้หลานๆ เปลี่ยนกันมาช่วยปู่บริหารแขนและขา ช่วยยกขึ้น-ลง นานนับเดือนปู่จึงเริ่มหัดเดินใหม่อีกครั้ง แต่ว่าปู่ก็ยังไม่สามารถเดินได้ เพียงแต่สามารถยกแขนขาขึ้นลงได้บ้างเท่านั้น เมื่อญาติๆ หรือคนรู้จักมาเยี่ยมปู่ก็จะยกแขนขาโชว์ เหมือนกับเป็นความภาคภูมิใจอย่างที่สุด ฉันเห็นแล้วรู้สึกสงสารปู่อย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้ในขณะนั้น

เมื่อฉันมาเรียนพยาบาล ปู่ถือว่าเป็นครูคนหนึ่ง เพราะว่าไม่ว่าฉันจะเรียนวิชาอะไรฉันก็จะกลับมาทดลองใช้กับปู่ทุกครั้ง เช่น เมื่อเรียนอยู่ในปีแรกๆ จะได้เรียนวิชาการพยาบาลพื้นฐานที่ต้องให้การช่วยเหลือผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ต้องช่วยทำความสะอาดร่างกาย ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำบนเตียง ฉันก็จะเอาปู่เป็นหุ่นซ้อมก่อนที่ฉันจะไปสอบทุกครั้ง แรกๆ ปู่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังๆ มาเริ่มรำคาญก็มีบ่นบ้างไปตามเรื่อง แต่ในตอนนั้นทำให้ฉันได้ใกล้ชิดปู่มากกว่าหลานคนอื่นๆ ฉันมักจะคอยดูแลเกี่ยวกับเรื่องการกินอาหาร การกินยา การจัดสิ่งแวดล้อมต่างๆ เมื่อมีเวลา

เมื่อฉันเรียนจบพยาบาลแล้วได้ทำงานในโรงพยาบาล ฉันจึงให้ความเห็นใจแก่ผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังเป็นอย่างมาก เพราะต้องได้เอาใจใส่ดูแลผู้ป่วยตลอดเวลา ต้องใช้ความอดทนสูง ต้องทนกับอารมณ์ของผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ผู้ที่เรียกร้องความสนใจต้องการคนที่จะมาดูแลอย่างใกล้ชิด จึงมีเรื่องให้น่าปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งยังต้องคอยเทียวรับเทียวส่งไปโรงพยาบาลทุกครั้งที่มีอาการกำเริบ ซึ่งอาจจะป่วยจริงหรือไม่จริงก็ได้ ที่ฉันเคยเจอมาก็คือเมื่อปู่บ่นว่ามีอาการกระตุกและ เกร็ง ทุกคนในบ้านก็จะรีบพาปู่ไปโรงพยาบาล พยาบาลที่อยู่เวรห้องฉุกเฉินก็จำปู่ได้ เพราะไปบ่อยมาก ไปถึงก็จะฉีดยาเพื่อลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อให้ทุกครั้ง แล้วก็พากันกลับบ้าน แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันได้ไปส่งด้วย ฉันก็เห็นพยาบาลเอาน้ำที่ผ่านการทำให้ปราศจากเชื้อแล้ว ซึ่งใช้ผสมยาสำหรับฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ เอามาฉีดให้ปู่ แค่นาทีเดียวปู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง เล่นเอาฉันอึ้งไปเลย พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะโกรธพยาบาลคนนั้นหรือโกรธปู่กันแน่ ฉันรีบพาปู่กลับบ้านแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย ไม่รู้ว่าครั้งก่อนๆ ที่ฉันไม่ได้มาส่งพยาบาลก็ใช้วิธีนี้มาก่อนหรือไม่ จึงใช้โดยไม่ลังเลใจเลย เพราะพอรู้ว่าเป็นปู่ก็หยิบมาฉีดให้เลย แย่จริงๆ ไม่รู้จะว่าอย่างไรจึงจะดี เสียความรู้สึกมาก

วันก่อนที่ปู่จะเสียชีวิต ฉันกลับมาที่บ้านในตอนกลางคืน ฉันเห็นว่าดึกมากแล้วจึงไม่เข้าไปหาปู่ที่ห้อง ในตอนเช้าแม่บอกให้ฉันเอาสำรับเข้าไปให้ปู่ ฉันพบปู่กำลังหลับอยู่แต่หายใจเสียงดังแปลกๆ ไม่เป็นจังหวะ ฉันรู้สึกว่าผิดปกติจึงเข้าไปเรียกปู่ให้ลุกมากินข้าว แต่ปู่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้แต่อย่างใด ฉันเลยลองตรวจร่างกายอย่างคร่าวๆ โดยจับดูที่ชีพจรและตรวจดูม่านตา พบว่าชีพจรยังเต้นเป็นปกติ แต่ม่านตาขยายกว้างและปฏิกิริยาในการไวต่อแสงช้ามาก ฉันรีบออกจากห้องไปบอกอาที่กำลังจะไปทำงานให้ช่วยมาดูปู่ที่ในห้อง อาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับฉัน เราช่วยกันพยุงให้ปู่ลุกขึ้นนั่งแต่ปู่ก็คอพับไปเลย เรารีบพาปู่ไปยังโรงพยาบาลประจำอำเภอ แพทย์เวรมาตรวจแล้วบอกฉันว่าอาจจะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก เพราะถ้าต้องการจะผ่าตัดสมองก็ต้องไปโรงพยาบาลในตัวจังหวัด ตอนนั้นแพทย์สงสัยว่าอาจจะมีหลอดเลือดแตกในสมอง เราจึงตัดสินใจพาปู่ไปโรงพยาบาลในตัวจังหวัด รถของโรงพยาบาลพาปู่ไปส่งโดยมีฉันเดินทางไปด้วย ตอนนั้นฉันเป็นเหมือนคนนำในการตัดสินใจ เพราะ ญาติๆ คนอื่นมัวแต่ตกใจทำอะไรไม่ถูก และอีกเหตุผล ก็คือ ฉันเป็นพยาบาล การรับรู้ว่าปู่ป่วยมากน้อยแค่ไหนนั้นฉันจะรู้มากที่สุด ทุกคนก็เลยส่งให้ฉันไปพูดกับแพทย์ในการตัดสินใจในการรักษา และดูแนวทางการเป็นไปได้ในการรักษา

เมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์ก็ได้ใส่ท่อช่วยหายใจให้และส่งตรวจเอกซเรย์สมอง เรานั่งรอตั้งแต่เช้ากว่าจะถึงคิวตรวจก็เกือบบ่ายโมง เมื่อฉันเข้าไปดูฟิล์มที่เอกซเรย์ แพทย์เจ้าของไข้ก็บอกกับฉันว่าหลอดเลือดในสมองด้านซ้ายแตกและเลือดก็กำลังออกอย่างต่อเนื่อง หากทำการผ่าตัดห้ามเลือดก็จะช่วยได้เพียงเท่านั้น แต่ปู่ก็จะกลายเป็นอัมพาตทั้งตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ และระดับความรู้สึกตัวอาจจะไม่กลับคืนมา เราจึงได้ปรึกษากันอีกครั้ง เมื่อยังตกลงกันไม่ได้แพทย์จึงย้ายปู่ไปนอนที่ตึกผู้ป่วยใน คืนนั้นเราไม่ได้เฝ้าเพราะเขาไม่ให้เข้าไปในตึก เราจึงกลับไปบ้านเพื่อปรึกษาอีกครั้งในหมู่ญาติๆ สุดท้ายเราก็ตกลงกันว่าไม่อยากให้ปู่ต้องทนทรมานกับการเจ็บป่วยอีก ตอนเช้าเราจึงไปรับปู่กลับบ้านโดยขอให้แพทย์เอาท่อช่วยหายใจออก ตอนที่ปู่เดินทางกลับบ้านนั้นยังมีชีพจรอยู่ แต่ไม่มีความรู้สึกตัวแล้ว เราเอาที่นอนปูท้ายรถกระบะแล้ววางปู่นอนบนนั้น มีฉันและอาอีก ๒ คนนั่งมาด้วย ฉันนั่งมองดูปู่ตลอดทาง ส่วนอานั้นนั่งร้องไห้อยู่ ฉันไม่ร้องไห้เพราะตอนนั้นปู่ยังอยู่ ฉันคิดอย่างนั้นนะ อากระซิบบอกปู่ก่อนที่รถจะแล่นออกจากตัวโรงพยาบาลว่าเราจะกลับบ้าน ในคืนนั้นญาติๆ ทุกคนและคนรู้จักที่อยู่บ้านใกล้ๆ มาเฝ้าดูอาการของปู่กันด้วยความไม่สบายใจและอาลัยรัก

ตอนเช้าเราให้พระสงฆ์มาสวดสะเดาะเคราะห์ให้ปู่ ตอนนั้นปู่ไม่รู้สึกตัวแล้ว เหลือแต่ชีพจรที่เต้นช้าลงเรื่อยๆ และการหายใจที่ขาดเป็นช่วงๆ มีเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจเกิดขึ้นอย่างมาก แทบไม่น่าเชื่อเลยเมื่อพระสงฆ์สวดเสร็จไม่ทันไรชีพจรของปู่ก็หยุดเต้นทันที ถึงตอนนั้นทุกคนก็อยู่ในอาการที่ตกตะลึงพูดไม่ออก ปู่จากไปอย่างสงบไม่ทรมาน ฉันคิดว่าปู่คงไปดีแล้ว เพราะได้ฟังพระสวดก่อนตาย คนแถวบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเราทำถูกแล้วที่พาปู่กลับมาตายที่บ้าน เพราะปู่จะได้หมดห่วงเสียที ความจริงแล้วที่ปู่เสียชีวิตไปฉันรู้สึกว่าดีแล้ว เพราะปู่นั้นต้องทนทรมานกับการเป็นอัมพาตอยู่นานถึง ๑๒ ปี ความรู้สึกของปู่เป็นอย่างไรไม่มีใครทราบได้ แม้ว่าจะต้องเจ็บป่วยไปไหนไม่ได้ แต่ปู่ที่ฉันเห็นอยู่จนชินตาก็คือคนที่พร้อมจะหัวเราะได้ทุกเมื่อ และมักจะมีเรื่องสนุกๆ มาเล่าให้หลานๆ ฟังอยู่เสมอ บางครั้งที่ฉันมีโอกาสได้คุยกับปู่ ปู่จะร้องเพลงให้ฉันฟังเพื่อรำลึกถึงวันเก่าๆ ปู่ยังคงอยู่ในใจฉันเสมอมาและตลอดไป

ขอให้ปู่ไปสู่สุคติด้วยเทอญ...

ข้อมูลสื่อ

292-002
นิตยสารหมอชาวบ้าน 292
สิงหาคม 2546
ปนัดดา หงษ์สร้อย