“พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด
ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ
ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ……..
เออชะรอยคงเป็นเนื้อคู่ เคยอุ้มชูเลี้ยงดูบำเรอ
แต่ครั้งแรกเมื่อพบเธอ ใจฉันเชื่อเมื่อแรกเจอ
ฉันและเธอคือคู่สร้างมา”
เพลง “พรหมลิขิต” ขับร้องและทำนองโดยครูเอื้อ สุนทรสนาน ปราชญ์และบรมครูแห่งวงสุนทราภรณ์ เพลงนี้เป็นที่กินใจของหนุ่มสาวในยุคหนึ่งเป็นยิ่งนัก
เพราะคิดกันว่า การที่คนสองคนจะต้องมามีสัมพันธภาพกันนั้นเป็นลิขิตของฟ้า เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตและบุพเพสันนิวาสบ้างไหม…………
ในบทเพลง “บุพเพสันนิวาส” นั้น ครูเอื้อขับร้องได้ไพเราะเพราะพริ้งว่า
“ รักไม่มีพรมแดน รักไม่มีศาสนา
แม้นใครบุญญาได้ครองกันมา พรหมลิขิตพาชื่นใจ
……………………
รักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ ความรักเช่นนั้นให้โทษ
อย่าไปโกรธโทษรักไม่ได้”
ความรักของหนุ่มสาวในทุกยุคทุกสมัย มักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันด่วน เรียกว่าเจอหน้าก็ปิ๊งเลย และบางครั้งก็กลายเป็นรักชั่วข้ามคืน ที่เมื่อเสร็จสมอารมณ์รักแล้ว ในเช้ารุ่งขึ้น ก็เหมือนคนแปลกหน้าสองคนที่มาพบกันแล้วแยกจากกันไป
คุณเชื่อในความรักไหม คุณเชื่อไหม…..ว่าอำนาจของความรักมีจริง อานุภาพแห่งความรักเเท้นั้นเหลือที่กล่าวอ้างถึงได้
เพราะในความรักแท้นั้น คุณอยากให้เขาได้ดีมีสุข อยากให้เธอเจริญก้าวหน้า มีอนาคตที่มั่นคงสดใส ปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆที่จะมากรายใกล้ และจะคอยเฝ้าห่วง และดูแลเธอจนกว่าความตายจะมาแยกเธอไปจากเขา
คนที่มีความรักแท้จะมีความสุข คนที่มีความรักแท้จะมั่นใจในความรัก
และคนที่มีความรักแท้…… จะมีความสงบร่มเย็นในร่มเงาแห่งรัก
- อ่าน 4,514 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้