รัชนี/ฉะเชิงเทรา : ผู้ถาม
ดิฉันเป็นโรคปวดหลังเรื้อรังมาหลายปีแล้ว ได้ไปรักษาที่คลินิกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยการทำกายภาพบำบัดและทำอัลตราซาวนด์ไฟฟ้าจี้อยู่เดือนกว่าๆ อาการก็ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่หายดีก็เลยเลิกรักษา ที่เลิกรักษาเพราะทนไฟฟ้าจี้ไม่ไหว ปวดมากค่ะ ก็เลยหยุด
แล้วต่อมาดิฉันไปหาหมอที่โรงพยาบาลศิริราช ไปทำไคโรแพกติก อยู่ทั้งหมด ๑๘ ครั้ง อาการก็ทุเลาบ้างนิดหน่อย หมอที่โรงพยาบาลศิริราชได้เอกซเรย์ดูบอกว่า กระดูกเบียดเส้นประสาท แนะนำให้ทำกายภาพบำบัดต่อ แต่ดิฉันอยู่กรุงเทพฯ ไม่สะดวกก็เลยกลับบ้านต่างจังหวัด
ตอนนี้ถ้านั่งนานๆ ทำงานหนัก หรือเดินจงกรม ก็จะรู้สึกขัดๆ ที่บริเวณสะโพกด้านซ้ายชาลงมาถึงขา กล้ามเนื้อสะโพกตึง เดี๋ยวนี้สะโพกด้านขวาก็จะเป็นเหมือนกันกับด้านซ้ายแล้ว จะเป็นๆ หาย แต่เป็นเรื่อยมาตลอด ค่ะ
จึงอยากจะขอเรียนถาม คุณหมอว่าดิฉันควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร ถ้าไม่ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล
นพ.สุรชัย ปัญญาพฤทธิ์พงศ์ : ผู้ตอบ
จากอาการที่คุณเล่ามา คิดว่าอาจจะเป็นกระดูกสันหลังมีหินปูนหนา ทำให้เบียดเส้นประสาทที่เลี้ยงขา จึงเกิดอาการปวด และชาขา ซึ่งมักจะเป็นในผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป ถ้าเป็นในคนที่มีอายุน้อยมักจะเกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน
การรักษาที่เหมาะสม คือ ระวังการใช้หลัง เช่น การยกของหนัก การนั่งทำงาน โดยวิธีการที่ถูกต้องการออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อหลังและกล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้
การทำกายภาพบำบัด มีจุดประสงค์เพื่อลดอาการปวด การฝึกการใช้หลังอย่างถูกต้อง และการฝึกการออกกำลังกาย ซึ่งการฝึกเหล่านี้คุณสามารถฝึกเองที่บ้านได้โดยทำตามที่แพทย์หรือนักกายภาพบำบัดแนะนำ
หากอาการเป็นมากขึ้น จนรบกวนการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันและการทำงาน มีอาการขาชาและขาอ่อนแรง แพทย์อาจจะแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมด้วยการ ฉีดสีเข้าไขสันหลังแล้วเอกซเรย์ หรือตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) จะทำให้ทราบพยาธิสภาพได้ชัดเจนขึ้น หากหินปูนกระดูกสันหลัง หรือหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท ชัดเจนแพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัด ซึ่งจะทำให้อาการดีขึ้นได้