สภาพแวดล้อม
322. ของเล่น
เด็กวัยนี้ถ้าพ่อแม่ไม่ตามใจจนเกินไป คงไม่มีของเล่นมากนัก เด็กผู้ชายอาจอะมีเพียงรถยนต์ หุ่นยนต์แท่งไม้ต่อรูป เด็กผู้หญิงก็มีตุ๊กตาและชุดบ้านตุ๊กตาเท่านั้น ทั้งนี้เพราะเด็กวัยนี้เบื่อของเล่นเร็ว และทำพังหมด
การที่เด็กทำของเล่นพังเสียหายนั้น อย่าเหมาเอาว่าเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นแต่เพียงอย่างเดียว อันที่จริงของเล่นคือเครื่องมือสำหรับเล่นกับเพื่อน ถ้าซื้อไม้แบตฯให้ แต่ไม่มีเพื่อนเล่นด้วยก็ไม่มีประโยชน์อันใด ของเล่นซึ่งเด็กเล่นกับเพื่อนอยู่ได้นานๆ เวลาเล่นคนเดียวกลับเบื่อง่าย เจ้ารถยนต์ไขลานนี่หมุนกี่ครั้งมันก็เหมือนกัน เมื่อไม่สนุกก็แกะดูข้างในดีกว่า
เด็กทำของเล่นพังเพราะไม่มีเพื่อนร่วมเล่นด้วย พ่อแม่เสียดายเงินจึงไม่ซื้อของเล่นให้อีก เมื่อไม่มีทั้งของเล่นและเพื่อน เด็กจะเล่นอะไร? ถึงจะให้วาดรูปเล่นหรือปั้นดินน้ำมันเล่น ถ้าเล่นคนเดียวก็อยู่ได้ไม่นานเช่นกัน จินตนาการสร้างสรรค์ของเด็กนั้น หากไม่มีเพื่อนเด็กด้วยกันมาช่วยกระตุ้นก็ไม่พัฒนา
เด็กซึ่งถูกขังอยู่แต่ในบ้าน เพราะผู้ใหญ่เกรงอันตรายภายนอกและไม่มีเพื่อนเล่นด้วย เป็นเด็กที่น่าสงสารจริงๆเมื่อเปรียบกับเด็กที่เล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียนอนุบาลแล้ว จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน สังคมเมืองและสังคมแบบครอบครัวเดียว ทำให้บ้านกลายเป็นสถานที่ซึ่งเด็กไม่มีโอกาสได้เล่นอย่างสนุกสนานเสียแล้ว ถึงจะซื้อของเล่นวิจิตรพิสดารให้มากมายก็ตาม ของเล่นก็ไม่สามารถทดแทนเพื่อนเล่นได้เลย
การซื้อของเล่นหรูหราราคาแพงเพื่อเอาใจลูกนั้น กลับไม่ดีสำหรับเด็ก เพราะทำให้เด็กหวงของ เวลาเพื่อนมาเล่นด้วยก็ไม่ยอมให้ยืมเล่นหรือเด็กอาจจะให้ยืม แต่พ่อแม่กลัวของเล่นนั้นชำรุดเสียหายจึงห้ามไม่ให้เล่น เพื่อนของลูกก็เลยกลับบ้าน ของเล่นซึ่งควรจะเป็นเครื่องมือสำหรับเล่นกับเพื่อน กลับกลายเป็นของไล่เพื่อนไปเสียฉิบ
เมื่อเด็กไม่มีเพื่อนต้องเล่นคนเดียวหรือดูแต่โทรทัศน์ ทำให้โฆษณาขายขนมสำหรับเด็กประเภทแถมของเล่นแปลกๆใหม่ๆ มีมากมายซึ่งขายดีและมีกำไรงามเสียด้วย
ของเล่นที่ดีคือ ของเล่นธรรมดาแบบง่ายๆ ใช้ทน เล่นสนุก และเล่นกับเพื่อนฝูงอยู่ได้นาน
323. ควรให้ดูโทรทัศน์หรือไม่
ปัจจุบันโทรทัศน์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของแทบทุกบ้านไปเสียแล้ว สมัยก่อนเด็กออกไปเล่นนอกบ้านได้อย่างอิสระ เรียนรู้โลกด้วยหูและตาของตนเอง แต่เด็กสมัยนี้มีจำนวนมากที่ถูกกักอยู่แต่ในบ้านและรู้จักโลกโดยอาศัยจอภาพโทรทัศน์ซึ่งมีทั้งรายการดีและไม่ดีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อเด็กรู้ความ, รู้วิธีกดปุ่มเปลี่ยนสถานี เด็กจะกลายเป็นผู้กุมอำนาจในการเลือกรายการดูเอง ถ้าไม่อยากให้ลูกได้รับพิษจากโทรทัศน์เลย ก็มีทางเดียวคือคุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ดูและไม่มีทีวีที่บ้าน
อย่างไรก็ดี ตามสภาพความเป็นจริงของสังคมปัจจุบัน การหนีจากโทรทัศน์เป็นเรื่องทำได้ยาก เมื่อหนีไม่ได้ก็ต้องทำใจให้ได้ว่า โทรทัศน์นั้นมีประโยชน์ในแง่ของการป้อนข่าวสาร เปิดหูเปิดตาให้กว้างไกลและช่วยให้ลูกมีเรื่องคุยกับเพื่อนๆ
สิ่งที่พ่อแม่จะทำได้คือ กีดกันไม่ให้ลูกดูรายการไม่ดีด้วยวิธีต่างๆ กำหนดเวลาดูทีวีในแต่ละวัน คอยเตือนไม่ให้ดูใกล้จนเกินไปเพื่อป้องกันสายตาสั้น ฯลฯ นอกจากนั้นเวลามีรายการไม่ดีสำหรับเด็กก็ต้องช่วยกันโวย ดังเช่นที่กลุ่มองค์กรสื่อมวลชนเพื่อเด็กทำอยู่ เพราะมติมหาชนมีอิทธิพลมากต่อบริษัทโฆษณา ซึ่งอยู่เบื้องหลังการจัดทำรายการต่างๆ
- อ่าน 3,325 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้